ชาโลม

ในเวียดนาม คริสเตียนไม่สามารถที่จะแบ่งปันพระกิตติคุณให้แก่ผู้คนได้ ถ้าตำรวจพบเข้า พวกเขาก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมาอีกหลายอย่าง และถ้าเป็นชาวต่างชาติก็จะต้องออกจากประเทศเวียดนามไป เมื่อเปรียบเทียบกับฮานอยแล้ว โฮจิมินเป็นเมืองเปิดมากกว่า พวกเราจะต้องระมันระวังอยู่เสมอเช่นเดียวกับสถานการณ์ในประเทศจีน พวกเราจะต้องอธิษฐานให้แก่ประเทศเวียดนามเพื่อเปิดประตูให้แก่พระกิตติคุณที่นี่ ขอบคุณพระเจ้า
พวกเราต้องการการอธิษฐานสนับสนุนจากพวกท่านสำหรับการเดินทางอันแสนยาวนานนี้ ผมหวังว่ารายงานเหล่านี้ที่ผมได้ส่งให้แก่ท่านจะช่วยหนุนใจท่านบ้าง ซึ่งพระเจ้าได้ทรงนำพวกเราในการนี้ พระเจ้าของพวกเราทรงแสนดี เอเมน!
พระเจ้าอวยพร!
อวยพรด้วยความรักของพระคริสต์
วันอาทิตย์เป็นวันอีสเตอร์ ซึ่งจะเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
พวกเราเดินทางจากโฮจิมิน ประเทศเวียดนาม และมาถึงกรุงเทพฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเราได้ติดต่อสถานทูตจีนที่ฮานอย และทางสถานทูตได้ตอบพวกเรามาว่า ทางสถานทูตจะไม่อนุมัติวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวที่อยู่ในเวียดนาม นอกเสียจากว่าพวกเราจะมีหนังสือเวิร์คเพอร์มิทในการทำงานหรือในการพักอาศัยอยู่ที่ประเทศเวียดนามเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วพวกเราวางแผนการณ์ว่าจะไปที่ฮานอยแต่ก็ต้องยกเลิกไป ดังนั้นพวกเราจึงนั่งรถทัวร์จากเวียดนามกลับมาที่กรุงเทพฯเพื่อขอวีซ่าจีน การเดินทางจากโฮจิมินมาที่กรุงเทพฯนั้นใช้เวลาในการเดินทาง 22 ชั่วโมง ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงคุ้มครองพวกเราตลอดการเดินทาง และพวกเราก็ได้วีซ่าเพื่อไปประเทศจีนเรียบร้อยแล้วในตอนนี้
พวกเราซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อจะเดินทางเพื่อที่จะเดินทางไปมาเก๊าในวันพฤหัสบดีหน้านี้ และจะอยู่ที่นั่นประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นพวกเราจะไปมลฑลกว่างตง(กวางตุ้ง)โดยการโดยสารรถประจำทาง จากนั้นก็จะนั่งรถไปไปที่เซี๋ยงฟาน มลฑลหูเป่ย พระเจ้าทรงจัดเตรียมที่พักฟรีให้สำหรับพวกเราในการเดินทางนี้ และพวกเราจะอยู่ที่เมืองนั้นประมาณหนึ่งเดือนหรือมากกว่าน้น ในระหว่างที่พักอาศัยอยู่ ผมจะทำการอบรมผู้นำของคริสตจักร การประกาศพระกิตติคุณ เทศนา และอธิษฐานเผื่อเมืองนั้น
หลังจากเสร็จพันธกิจที่เซี๋ยงฟานแล้ว พวกเราจะไปที่นานจิ๋งและเป่ยจิง(ปักกิ่ง)เพื่อที่จะร่วมสามัคคีธรรมร่วมกับพี่น้องคริสเตียนที่นั่นประมาณ 2-3 สัปดาห์ พวกเราเชื่อว่าพระเจ้าจะเปลี่ยนแปลงประเทศจีนเป็นเมืองแห่งความรักและชื่นชมยินดีในพระกิตติคุณ เพราะว่าผู้คนที่นั่นหิวกระหายที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับพระคำของพระเจ้า
สุดท้าย พวกเราจะไปที่เทนจิ่ง และอาศัยอยู่ที่นั่นสักระยะหนึ่ง ผมจะหางานเกี่ยวกับครูสอนภาษาที่เมืองฮาร์บิน และเจนจะหาหลักสูตรระยะสั้นเพื่อศึกษาต่อ บราเดอร์ลี เพื่อนของผมได้เสนอให้พวกเราไปพักที่บ้านของพ่อตา-แม่ยายของเขา ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ขอพระเจ้าอวยพระพรบราเดอร์ลีและครอบครัวของเขาด้วย
ตอนนี้กลับมาดูที่รายงาน
วันที่ 1 มีนาคม 2552 พวกเราได้ไปที่จังหวัดสระแก้ว และอาศัยอยู่ที่นั่นกับอาจารย์อนันต์กับครอบครัว และก็อาจารย์พอลพลด้วย พวกเราได้ไปเยี่ยมเยียนบ้านของผู้ไม่เชื่อและได้แบ่งปันพระกิตติคุณกับพวกเขาสองสามีภรรยา ภรรยาของเขาได้เล่าว่า เธอเห็นผู้ชายใส่เสื้อผ้าสีขาวยืนอยู่หน้าเธอ และเธอรู้สึกว่าอยากรู้จักเกี่ยวกับตัวเขาคนนั้น พวกเราเชื่อว่าผู้ชายใส่เสื้อสีขาวคนนั้นคือพระเยซูคริสต์ (สามีของเธอกำลังป่วยอยู่) ผมได้อธิษฐานให้กับครอบครัวนี้ ซึ่งทุกๆคนก็ได้ยกมือและอธิษฐานเผื่อพวกเขาด้วย และผมเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ได้ทรงสัมผัสในจิตใจของเธอแล้ว ซึ่งอาจารย์อนันต์จะเป็นผู้สานต่อในการที่จะแบ่งปันพระกิตติคุณให้แก่พวกเขา
พวกเราอยากที่จะโปรโมทเกี่ยวกับรูปภาพข้างบนนี้ ซึ่งภรรยาของอาจารย์อนันต์เป็นผู้ที่ทำตุ๊กตาเหล่านี้ขึ้นมา ผมขอเป็นพยานว่าพวกเขาเต็มใจที่จะรับใช้พระเจ้าเต็มเวลา และรายได้เหล่านี้พวกเขานำมาใช้ในการช่วยเหลือผู้คน ซึ่งเธอได้สอนเจนว่าตุ๊กตาเหล่านี้ทำอย่างไร ถ้าหากว่าใครสนใจที่จะสั่งซื้อตุ๊กตาเหล่านี้ สามารถติดต่อสั่งสือผ่านทางผมได้
วันที่ 5 มีนาคม 2552 พวกเราได้เดินทางไปที่เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ที่นั่นพวกเราได้ไปเยี่ยมโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งบริหารงานโดย NGO หลังจากนั้นผู้บริหารที่นั่นก็ได้เชิญผมให้สอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนที่นั่น และผมก็ได้แบ่งปันเล็กน้อยเกี่ยวกับคริสเตียน พวกเขาตื่นเต้นที่จะค้นหาเกี่ยวกับว่าพระเยซูคริสต์คือใคร
วันที่ 7 มีนาคม 2552 พวกเราเดินทางไปที่บาราย ประเทศกัมพูชาเพื่อที่จะกระทำพันธกิจต่อที่นั่น ซึ่งผมได้เคยสัญญากับศิษบาภิบาลที่นั่นเมื่อเดือนตุลาคม 2551 ว่าจะกลับมาสานต่อพันธกิจ เมื่อพวกเรามาถึงที่นี่ พวกเราได้รับเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงาน และในระหว่างที่พวกเราอยู่ที่นั่น พวกเราได้ไปเยี่ยมโรงเรียนประถม-มัธยมศึกษา และได้มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์-นักเรียนที่นั่นด้วย พวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นชาวต่างชาติมาเยี่ยมโรงเรียน ซึ่งศิษยาภิบาลที่นั่นก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบกับผมและภรรยาของผมด้วยเช่นกัน ขอบคุณพระเจ้าสำหรับ Pastor Kea ซึ่งได้แบ่งปันคำพยานกับผมเกี่ยวกับไร่ของเขาว่า หลังจากที่ผมได้มาอธิษฐานให้กับไร่ขอของเขาเมื่อเดือนตุลาคม 2551 ไร่ของเขาก็ได้รับผลผลิตเพิ่มขึ้นมาเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับไร่ของเพื่อนบ้าน และพวกเขาก็ได้เข้ามาถามว่าคุณทำยังไงถึงได้ผลผลิตขนาดนี้ และเขาตอบไปว่า "เชื่อในพระเจ้า"
พวกเราพบกับอุปสรรค์ในระหว่างที่กระทำพันธกิจที่บาราย มีคณะมิชชันนารีจาก DUMC ซึ่งเดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย ได้เดินทางมาที่ศูนย์ Mission Service ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถกระทำพันธกิจอะไรได้มากนักจนกระทั่งพวกเขาเดินทางไปที่พนมเปญ เมื่อพวกเขาไปถึงพนมเปญแล้ว หนึ่งในผู้นำมิชชั่นได้ส่งข้อความ SMS ไปสั่งศิษยาภิบาลของพื้นที่นั้นว่า พวกเขาต้องการให้หยุดยั้งพวกเราที่จะกระทำกิจกรรมและพันธกิจต่างๆที่นั่น เมื่อศิษยาภิบาลท่านนั้นเห็นข้อความนั้นแล้วก็ได้ติดต่อไปที่ทาง DUMC และก็ติดต่อมาทางผม ผมไม่ได้ตัดสินหรือต่อว่าพวกเขา พวกเขาไม่ยอมคุยกับผมตรงๆซึ่งๆหน้า แต่ในทางตรงกันข้าม เขาได้ใช้กลุ่มคนสามกลุ่มในการเข้ามาสื่อสาร พวกเราไม่ทราบถ้าเขาไม่บอกกำหนดการของพวกเขา งานของพวกเราดำเนินการไปในอีกทิศทางหนึ่ง มันเป็นการบอกข่าวประเสริฐเพิ่มเติมศรัทธาและมอบความรักให้แก่ชาวบ้าน พวกเขาต้องการแค่อบรบศิษยาภิบาลใหม่ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้พวกเราจึงตัดสินใจที่จะอยู่ที่บารายเพียงสั้นๆเท่านั้น
จากนั้นพวกเราจึงออกเดินทางจากบารายแลไปที่กำปงสปือ ซึ่งสถานที่นั่นไม่มีห้องน้ำ และไฟฟ้าใช้ พวกเราได้รับเชิญจากโมเสส ผู้ประกาศของที่นั่น ซึ่งหลังจากที่ได้แต่งาน เขาก็ได้ไปอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านนี้เป็นเวลาสองเดือนแล้ว เมื่อพวกเราไปถึงที่นั่นเราก็ได้รับรายงานมาว่าประชากรของหมู่บ้านนี้ 100% นั้นนับถือศาสนาพุทธ และพวกเราก็ได้ใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการที่จะสื่อสารกับชาวบ้านของที่นี่ โมเสสได้เป็นผู้เรียกชาวบ้านมาชุมนุมและผมก็เป็นผู้แบ่งปันพระคำของพระเจ้าโดยใช้คำอุปมา หลังจากนั้นชาวบ้านกลุ่มนี้ก็ได้ยอมรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา ขอบคุณพระเจ้า ผมได้พบกับชายบางคนซึ่งชอบดื่มเหล้า และผมก็ได้แบ่งปันพระคำของพระเจ้าให้แก่พวกเขา จากนั้นพวกเขาก็เริ่มที่จะคิดและต้องการที่จะเลิกดื่มเหล้า พวกเราได้อาศัยอยู่ที่นี้สามวันจากนั้นจึงเดินทางกลับมาที่พนมเปญ ในวันอาทิตย์พวกเราได้รับข้อความจากโมเสสว่า ชายคนนั้นที่ดื่มเหล้าหนักได้เดินทางไปโบสถ์ด้วยกัน ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการนี้
วันที่ 22 มีนาคม 2552 พวกเราโดยสารรถประจำทางจากพนมเปญมาที่โฮจิมิน ประเทศเวียดนาม
นี่คือเมืองโฮจิมิน คุณสามารถที่จะดูในวีดีโอคลิ๊ปนี้ได้
พวกเราได้รับเชิญจาก ศบ.Dung Nguyen ซึ่งอยู่ที่เวียดนาม ให้มาร่วมสามัคคีธรรมในกลุ่มเซลล์ ผมก็ได้แบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์และพันธกิจของผมให้แก่พวกเขา
ในเวียดนาม คริสเตียนไม่สามารถที่จะแบ่งปันพระกิตติคุณให้แก่ผู้คนได้ ถ้าตำรวจพบเข้า พวกเขาก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมาอีกหลายอย่าง และถ้าเป็นชาวต่างชาติก็จะต้องออกจากประเทศเวียดนามไป เมื่อเปรียบเทียบกับฮานอยแล้ว โฮจิมินเป็นเมืองเปิดมากกว่า พวกเราจะต้องระมันระวังอยู่เสมอเช่นเดียวกับสถานการณ์ในประเทศจีน พวกเราจะต้องอธิษฐานให้แก่ประเทศเวียดนามเพื่อเปิดประตูให้แก่พระกิตติคุณที่นี่ ขอบคุณพระเจ้า
พวกเราต้องการการอธิษฐานสนับสนุนจากพวกท่านสำหรับการเดินทางอันแสนยาวนานนี้ ผมหวังว่ารายงานเหล่านี้ที่ผมได้ส่งให้แก่ท่านจะช่วยหนุนใจท่านบ้าง ซึ่งพระเจ้าได้ทรงนำพวกเราในการนี้ พระเจ้าของพวกเราทรงแสนดี เอเมน!
พระเจ้าอวยพร!
อวยพรด้วยความรักของพระคริสต์
Pastor Steve Peter H S Kok and Sister Jenny P Kok