15 มีนาคม 2554

พระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้พยากรณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขี้นในประเทศญี่ปุ่น

สันติสุขอยู่กับท่านทุกคน

ทักทายกันในนามของพระเยซูชาวนาซาเร็ท!

ตอนนี้มข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์สึนามิซึ่งได้เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 11 มีนาคม 2011 “เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 140 ปี และยังได้ก่อให้เกิดคลื่นสึกนามิซึ่งสูงถึง 10 เมตร (30 ฟุต) ซึ่งได้กวาดทั่วทั้งพื้นที่การเกษตร ทำลายพืชผลต่างๆ กวาดเอาบ้านเรือน ยานพาหนะ และก่อให้เกิดเพลิงไหม้เสียหาย” สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อเร็วๆนี้ ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นขนาด 8.9 ริกเตอร์ ซึ่งก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูง 15 เมตรขึ้นบริเวณแถวชายฝั่ง สำนักข่าวดิจิตอลเจอร์แนล

คำว่า “สึนามิ” เกิดขึ้นมาจากไหน? “สึนามิ” เป็นคำที่มาจากภาษาญี่ปุ่น หมายถึง : มรสุม (Tsu) และ คลื่น (nami) พจนานุกรมภาษาอังกฤษฉบับ Oxford ซึ่งคำพหูพจน์ตามกฎในหลักภาษาอังกฤษแล้วจะต้องเติม ‘s’ หรือบางทีก็อาจจะไม่ต้องเปลี่ยนรูป แต่สามารถใช้ทับศัพท์ในภาษาญี่ปุ่นไปได้เลย

ในเช้าวันอาทิตย์ ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือเศคาริยาห์ บทที่ 5 ข้อที่ 2-4 ทูตสวรรค์ถาม “เจ้าเห็นอะไร” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าแลเห็นหนังสือม้วนหนึ่งเหาะอยู่ มันยาวยี่สิบศอก (30 ฟุต) และกว้างสิบศอก (15 ฟุต)” และท่านจึงบอกข้าพเจ้าว่า “นี่แหละเป็นคำสาปที่แผ่ออกไปทั่วพื้นแผ่นดินทั้งสิ้น ผู้ที่ทำการโจรกรรมทุกคนต้องถูกกำจัด ตั้งแต่นี้ไปตามความในหนังสือม้วนนั้น และทุกคนที่สาบานเท็จจะต้องถูกกำจัดตั้งแต่นี้ไป ตามที่กำหนดไว้ พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า เราส่งคำสาปนั้นออกไป และคำนั้นจะเข้าไปในเรือนของโจร และในเรือนของคนที่สาบานเท็จโดยออกนามของเรา และคำนี้จะค้างอยู่ในเรือน ผลาญเรือนนั้นเสียทั้งตัวไม้และศิลา”


จากนั้น ข้าพเจ้าก็ทูลขอพระเจ้าให้อธิบายความหมายเกี่ยวกับนิมิตรของเศคาริยาห์ ซึ่งพระเจ้าก็แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นดังต่อไปนี้

สิ่งแรก ลักษณะของหนังสือม้วนหนึ่งเหาะอยู่ก็เหมือนกับการเปิดม้วนกระดาษปาปิรัส และลักษณะของสึนามิหรือคลื่นยักษ์ก็เลยดูเหมือนกับหนังสือม้วนหนึ่งเหาะอยู่

สิ่งที่สอง เศคาริยาห์บอกว่าขนาดของหนังสือคือ ยาว 30 ฟุต และกว้าง 15 ฟุต นี่เป็นคำอธิบายที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่นในเดือนมีนาคม 2011

สิ่งที่สาม คำสาป ได้กล่าวอ้างถึงคลื่นยักษ์ (สึนามิ) ซึ่งได้กวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างไป

พี่น้องในพระคริสต์ พวกเรามีชีวิตอยู่จนใกล้จะถึงวันพิพากษาหรือวันสิ้นยุคแล้ว คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนถึงพระพิโรธของพระเจ้า มันขึ้นอยู่ที่เราว่าเราจะมองเห็นและแปลความหมายในความจริงที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเราอย่างไร หากว่าจะปฏิเสธและไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องการตักเตือน บทการลงโทษ พวกเรานั้นก็กำลังหลอกตัวเอง! ชีวิตบนโลกนั้นแสนสั้น ชีวิตนิรันดร์รอพวกเราอยู่ แต่พวกเราได้เตรียมพร้อมไหม และได้ยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดหรือไม่ พวกเราได้เชื่อฟังและปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์หรือไม่

ข้าพเจ้าจำได้อย่างแม่นยำเกี่ยวกับเรื่องหนึ่งซึ่งเพื่อนของข้าพเจ้าได้แบ่งปัน มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่ร่ำรวย และเขารู้ว่าเขาจะต้องจากไปในไม่ช้า เขาจึงได้ขอร้องกับลูกชายว่า ให้ช่วยเผาเงินทองของเขาไปพร้อมกับร่างกายของเขาด้วย ซึ่งลูกชายก็พยักหน้ารับ และเมื่อเวลานั้นมาถึง ลูกชายก็กล่าวต่อหน้าศพของพ่อว่า “ผมไม่โง่ที่จะเอาเงินของพ่อใส่ลงไปในหลุมฝังศพของพ่อหรอก เพราะว่าพ่อไม่สามารถจะเอามันไปใช้ได้” จากนั้นเขาก็ได้เขียนเช็คหนึ่งใบและใส่ลงไปในนั้น

ในพระธรรมมัทธิว บทที่ 6 ข้อ 19-20 ได้เตือนพวกเราว่า “อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้ และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้ แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้”

คำพยากรณ์อีกอย่างหนึ่งที่ได้กล่าวถึง อยู่ในพระธรรมวิวรณ์ บทที่ 6 ข้อ 12-14 ได้กล่าวไว้ว่า “เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่หกนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้เห็นแผ่นดินไหวใหญ่โต ดวงอาทิตย์ก็กลับมืดดำดุจผ้ากระสอบขนสัตว์ และดวงจันทร์วนเพ็ญก็กลายเป็นสีเลือด และดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าก็ตกลงบนพื้นดิน เหมือนกับต้นมะเดื่ออันถูกลมกล้าพัดจนทำให้ผลที่ยังไม่ทันสุกหล่นลงหมด ท้องฟ้าก็หายไปเหมือนกับหนังสือที่เขาม้วนขึ้นไปหมด และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็เลื่อนไปจากที่เดิม”

สามารถเช็คสถิติการเกิดแผ่นดินไหวได้ที่เว็ปไซด์ http://earthquake.usgs.gov ซึ่งท่านจะเห็นว่าในทุกๆนาทีนั้นจะมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้น และตามข่าวล่าสุดคือเกาะฮอนชูได้เคลื่อนตำแหน่งออกไปจากที่เดิม 8 ฟุต หรือ 2.4 เมตร และพวกเรายังไม่รู้เกี่ยวกับที่อื่นๆอีก บางทีท่านอาจจะต้องเริ่มต้นตรวจเช็คดูระหว่างประตูบ้านและพืนที่ภายในบริเวณโดยรอบว่ามีการขยับเขยื้อนไปบ้างหรือไม่

ข้าพเจ้าเชื่อว่า คำพยากรณ์ในเรื่องของตราดวงที่หกนั้น ขณะนี้ได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว และตอนนี้พวกเราจะเข้าสู่ช่วงของตราดวงที่เจ็ด

บรรดาผู้ที่ได้ซักอาภรณ์ของเขา คือผู้ที่ได้ค้นหาหนทางในการชำระบาปในชีวิตของตน และพวกเขายังคงสัตย์ซื่อ เตรียมพร้อมต้อนรับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ มันคงจะเป็นการยากที่เราจะนึกภาพว่า เลือดจะสามารถทำให้เสื้อผ้านั้นขาวสะอาดได้อย่างไร แต่โดยโลหิตของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ทนั้นเป็นน้ำยาที่ชำระล้างคราบที่วิเศษสุดในโลกนี้ เพราะว่ามันสามารถล้างคราบบาปออกไปได้ สีขาวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แบบปราศจากบาปหรือความบริสุทธิ์ ซึ่งสามารถที่จะมอบให้แก่มนุษย์ได้ก็โดยผ่านการถวายลูกแกะของพระเจ้าเป็นเครื่องบูชาแทนเรา หากว่าเราเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า พระคริสต์จะทรงอภัยบาปและชำระล้างบาปให้แก่เรา เอเมน!

คำสุดท้ายที่จะได้รับเป็นพระวจนะของพระเจ้า อำนาจอธิปไตยของพระองค์จะได้รับการเปิดเผยในวันสุดท้าย พวกเราไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ว่าที่สุดปลายจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่พวกเราสามารถมั่นใจในอำนาจของพระองค์ที่จะควบคุมสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ได้ ประวัติศาสตร์ของโลก รวมทั้งการแสวงหาความชอบธรรมของเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า เราสามารถมีความปลอดภัยอยู่ในความรักของพระองค์และไว้วางใจในการทรงนำของพระองค์ที่มีให้แก่ชีวิตของพวกเราได้

พวกเราต้องการแบ่งปันความน่าสะพึงกลัว ซึ่งมันเป็นความจริงที่ได้เกิดขึ้นแก่พวกเราทุกคน

ดังนั้น ข้าพเจ้าอยากจะบอกพี่น้องในพระคริสต์ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า วันสิ้นยุคใกล้เข้ามาแล้ว ให้เตรียมตัวและดำเนินชีวิตอยู่!

ขออวยพระพร

ศจ.สตีฟ ปีเตอร์ เฮส เอส ค๊อค

03 มีนาคม 2554

การรับใช้ - แจกของขวัญ - จัดการแสดง

ชาโลม (สันติสุขอยู่กับท่าน)

พวกเราได้รับอีเมล์หนุนใจอย่างมากมายจากพี่น้องเพื่อให้เราดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อในพระคริสต์ ซึ่งแท้จริงแล้วนั้น ไม่มีอะไรเลยที่จะเป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้า และตอนนี้มีผู้ที่ได้อ่านอีเมล์ของพวกเราเป็นจำนวน 8,000 คนแล้ว และมีผู้เยี่ยมเยียนบล็อคของพวกเราเป็นจำนวน 6,000 คนต่อเดือน ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ได้กระทำ!

พวกเราสามารถที่จะสัมผัสได้ว่า ตอนนี้เป็นเวลาใกล้วันสิ้นยุคเข้ามาแล้ว ซึ่งในพระธรรมมัทธิว บทที่ 24 ก็ได้มีการกล่าวเอาไว้ว่า ไม่มีใครรู้ว่าวันเวลาเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน ข้าพเจ้าได้อ่านข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อาการโลกแปรปรวน เหตุการณ์จราจลภายในประเทศ การขาดแคลนอาหาร และสงครามระหว่างประชาชาติ เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าวันสิ้นสุดนั้นจะมาถึงเมื่อใด แต่ว่าเราก็มั่นใจว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเหล่านี้นั้น ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์

ในประวัติศาสตร์โลกรวมไปถึงการออกเดินทางแสวงหาบุญของพวกเราเองนั้น ล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า และพวกเราสามารถมีความปลอดภัยได้ก็โดยการที่เราได้ไว้วางใจในความรักของพระองค์ และเชื่อว่าพระองค์จะทรงนำเราไปสู่จุดหมายปลายทางในชีวิต แต่นอกจากนี้แล้วนั้น ในเวลานี้ก็ได้มีผู้พยากรณ์เท็จเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากมาย พวกเขาได้ทำหมายสำคัญปลอมเพื่อหวังที่จะมีพลังและอำนาจทางฝ่ายจิตวิญญาณ

มีนักเขียนชาวยิวท่านหนึ่งได้พูดถึงเรื่องการถูกล่อลวงของเอวา รวมไปถึงการปลอมตัวของซาตานในรูปของทูตสวรรค์ ไม่มีใครหลอกลวงได้เก่งเหมือนซานตาน เจ้าชายแห่งความมืด มันปลอมตัวเป็นทูตแห่งความสว่าง ในทางเดียวกันนั้น อัครทูตปลอมนี้ก็ยังได้แอบอ้างตนเองว่าเป็นอัตรทูตของพระเยซูคริสต์ แต่แท้จริงแล้วพวกเขาเป็นตัวแทนของซาตาน ดังนั้น พวกเราจะต้องระวังตัวต่อสถานการณ์เหล่านี้ ต้องแนบสนิทกับพระเจ้า เชื่อว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นเป็นความจริงและพระเยซูคริสต์จะสามารถช่วยให้เราเป็นไทได้



พระเจ้าทรงทำงานอย่างอัศจรรย์ และทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเรา คือเมื่อเดือนสิงหาคม 2010 พวกเราได้ทูลขอกับพระเจ้าในเรื่องยานพาหนะเพื่อใช้สำหรับการเดินทางในการออกไปรับใช้ และพระเจ้าทรงประทานรถยนต์มือสองให้แก่พวกเราในเดือนธันวาคม 2010 ราคาของรถยนต์ตกอยู่ที่ 150,000 บาท (4,900 ดอลล่าห์สหรัฐ) และสภาพของรถนั้นก็ยังใหม่อยู่ ไม่ต้องทำการซ่อมแซมแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของไฟแนนซ์นั้น ข้าพเจ้าทำการผ่อนค่างวดกับทางเต้นท์รถโดยตรงซึ่งเจ้าของก็เป็นคริสเตียน ข้าพเจ้าใช้เพียงแค่พาสปอร์ตเท่านั้นและไม่ต้องมีคนค้ำประกันใดๆทั้งสิ้น และไม่เพียงแค่นั้น ในตอนนี้พวกเราจ่ายค่างวดรถเกือบหมดแล้ว

พระเจ้าทรงแสนดีต่อเราเมื่อเราได้แสวงหาพระองค์ด้วยความถ่อมใจและจริงใจ



เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2010 พวกเราได้จัดพิมพ์หนังสือเป็นภาษาไทยขึ้นมาเล่มหนึ่ง ชื่อว่า “บันทึกการเดินทาง” มันเป็นเรื่องราวของคำพยานชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อด้วย หนังสือของพวกเราได้สัมผัสจิตใจของผู้อ่านหลายๆท่าน ซึ่งพวกเขาได้มาแบ่งปันให้แก่พวกเราหลังจากที่เขาได้อ่านหนังสือของพวกเราแล้ว และก็มีบางคนที่ได้อ่านหนังสือไปแล้วก็ตัดสินใจยอมรับพระเยซูเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชิวิตของเขา ซึ่งหนังสือของพวกเราได้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์คริสเตียนนิวส์ด้วย และพวกเราก็ได้รับโทรศํพท์เพื่อสั่งซื้อหนังสือของพวกเรา หนังสือเล่มนี้ได้จัดพิมพ์ขึ้นเป็นจำนวน 1,000 เล่ม ราคาเล่มละ 79 บาท (2.45 ดอลล่าห์สหรัฐ) ซึ่งได้มีวางจำหน่ายอยู่ที่ร้านหนังสือคริสเตียนในกรุงเทพฯ และนอกจากนี้แล้วพวกเราก็ยังได้ทำการแจกหนังสือนี้ฟรีเป็นจำนวน 100 เล่ม ซึ่งได้มีพี่น้องหนึ่งในนั้น ท่านได้มอบเงินถวายให้แก่พวกเราหลังจากที่อ่านหนังสือไปแล้วเป็นจำนวน 10,000 บาท (326 ดอลล่าห์สหรัฐ) ขอบคุณพระเจ้า พระองค์ไม่เคยมอบกลับคืนให้แก่เราในจำนวนที่น้อยกว่าที่เราตั้งใจจะมอบถวายให้แก่พระเองค์ แต่พระองค์จะทรงให้เรามากกว่านั้นถ้าหากว่าพวกเราเชื่อในพระองค์

อ้างอิงถึงรายงานของข้าพเจ้าจากอีเมล์ฉบับที่แล้ว ซึ่งข้าพเจ้าได้ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับทีมรับใช้ของคริสตจักรแกลดไทดิ้งส์ คริสเตียนสัมพันธ์ มาเลเซีย และพวกเราก็ได้เดินทางกลับไปที่ประเทศมาเลเซียเพื่อเข้าร่วมการประชุมกับคณะกรรมการของทางคริสตจักรเมื่อตอนต้นเดือนมกราคม 2011 อย่างไรก็ตาม ทางคริสตจักรได้ตัดสินใจที่จะชลอโครงการและการจัดตั้งคริสตจักรในเมืองไทยไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด และจากเหตุการณ์นี้ทำให้มีผลกระทบต่อแผนการรับใช้ของพวกเราในกรุงเทพฯด้วย เพราะพวกเราได้ทำการประกาศและจัดเตรียมทีมงานจำนวน 20 คนในการที่จะมาเข้าร่วมการบุกเบิกคริสตจักรด้วยกัน ดังนั้นมันเลยเป็นการยากที่เราจะทำการเคลื่อนไหวโครงการนี้ต่อไป และพวกเราจึงตัดสินใจว่า ทางออกที่ดีที่สุดของพวกเราในตอนนี้ก็คือ พวกเราตัดสินใจที่จะถอนตัวออกจากโครงการนี้เสียแต่เนิ่นๆ ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าทรงมีแผนการณ์เพื่อพวกเราซึ่งดีกว่าแผนการณ์ของพวกเขา

เมื่อกลางเดือนกันยายน 2010 ดร.ศิล์ปชัย (หัวหน้าทีมศิษยาภิบาล)ได้เชื้อเชิญให้ข้าพเจ้าเข้ามาร่วมทีมกับคณะศิษยาภิบาลของคริสตจักรมหาชลอยู่หลายครั้ง แต่ข้าพเจ้าก็ได้ปฏิเสธการเชื้อเชิญนั้นมาโดยตลอด จนกระทั่งกลางเดือนมกราคม 2011 ทาง ดร.ศิล์ปชัย ก็ได้มาเชื้อเชิญข้าพเจ้าให้มารับตำแหน่งนี้อีกครั้งหนึ่งโดยการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ และเจนนี่ก็ตอบตกลงไปในทันที ซึ่งนั่นก็เป็นแผนการณ์หนึ่งที่พระเจ้าได้เตรียมไว้ให้แก่พวกเราเพื่อที่จะเข้าไปช่วยเหลือในคริสตจักร และทางคริสตจักรก็ได้แต่งตั้งข้าพเจ้าเป็นศิษยาภิบาลที่ปรึกษา(อาสาสมัคร)

รายงานเกี่ยวกัการรับใช้


ในกลางเดือนธันวาคม 2010 พวกเราได้ไปซื้อของใช้ที่จำเป็น (สบู่ ยาสระผม แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แป้ง มาม่า ขนมปัง หนังสือ ยาพาราเซตามอล ฯลฯ) เพื่อที่จะนำไปแจกจ่ายให้แก่ที่น้องที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ซึ่งในการนี้ ข้าพเจ้าก็ได้นำเงินที่พี่น้องได้ถวายให้แก่พวกเราเป็นการส่วนตัวจำนวน 5,500 บาท (180 ดอลล่าห์สหรัฐ) มาซื้อสิ่งของเหล่านี้ และพวกเราได้จัดแบ่งสิ่งของออกเป็นชุดๆได้ทั้งหมด 120 ชุด และนอกจากนี้พวกเราก็ได้ถวายเงินให้กับโครงการเรารักเด็กไทยเป็นจำนวน 1,000 บาท (33 ดอลล่าห์สหรัฐ) อีกด้วยเพื่อเป็นค่าของขวัญสะมาริตัน จากประเทศออสเตรเลีย จำนวน 95 กล่อง


วันที่ 18 ธันวาคม 2010 พวกเราไปร่วมกับชมรมคริสเตียนสวนลุมพินีเพือการประกาศ ที่นั่นมีพี่น้องที่ไม่มีบ้านอยู่จำนวน 80 คน ในวันนั้นข้าพเจ้าไม่มีโอกาสได้แบ่งปันพระวจนะของพระเจ้า เพราะว่าตารางเวลาของวันนั้นแน่นมาก และในวันนั้นได้มีพี่น้องชายท่านหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากไต้หวัน เขาได้มาแบ่งปันของประทาน เรื่องการหัวเราะเพื่อความชื่นชมยินดีในพระเจ้า และหลังจากนั้นพวกเราก็ได้นำของขวัญที่ได้จัดเตรียมเอาไว้มาแจกจ่ายเป็นของขวัญคริสตมาสให้แก่พี่น้องที่ไม่มีบ้าอยู่เหล่านั้น รวมไปถึงการแจกจ่ายให้แก่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วยเพื่อเป็นพระพรให้แก่พวกเขา – สุภาษิต 22 ข้อ 9บุคคลที่มีตาแสดงใจกว้างขวางก็จะรับพร เพราะเขาแบ่งส่วนอาหารของเขาแก่คนยากจน” ฮาเลลูยา!


หลังจากนั้นสองวัน ทางคริสตจักรหัวหินก็ได้เชื้อเชิญให้เราไปร่วมงานคริสตมาสด้วยกัน ซึ่งทางคริสตจักรที่นั่นได้ร่วมมือกันกับคริสตจักรต่างๆอีกจำนวน 18 แห่ง ในการที่จะจัดงานเฉลิมฉลองคริสตมาสขึ้นมา ณ หัวหินมาร์เก็ตวิลเล็จ และในงานนี้ก็ได้เชิญท่านผู้ว่าราชการประจวบฯมาร่วมเป็นประธานเปิดงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งงานจะเริ่มต้นขึ้นในตอนเย็น พวกเราได้มาอยู่ร่วมในงานนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ศิษยาภิบาลที่นั่นได้เล่าให้พวกเราฟังว่า โดยปกติแล้วท่านผู้ว่าจะไม่เคยอยู่ร่วมงานนานขนาดนี้ ซึ่งในทุกๆครั้งท่านจะมาอยู่ไม่เคยเกินครึ่งชั่วโมงเลย แต่ว่าในครั้งนี้ท่านได้มาร่วมงานกับเรานานเป็นพิเศษ ขอบคุณพระเจ้า!


เช้าวันที่ 22 ธันวาคม 2010 พวกเราไปร้องเพลงคริสตมาสร่วมกันที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งก็มีพี่น้องจากหลายๆคริสตจักรมาร่วมกันร้องเพลงด้วย ข้าพเจ้าได้มีโอกาสแบ่งปันพระวจนะของพระเจ้าให้แก่ผู้ป่วยที่มารอรับการรักษาด้วย และหลังจากนั้นข้าพเจ้ากับภรรยาก็ต้องขับรถขึ้นไปที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย (ประมาณ 900 กม.) เพื่อที่จะไปช่วยเหลือพี่น้องคริสเตียนท่านหนึ่ง มันเป็นการเดินทางที่เหนื่อยมากสำหรับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ไม่ได้นอนเลยด้วยแต่ว่าพระเจ้าทรงเสริมกำลัง ทำให้ข้าพเจ้าตื่นอยู่ตลอดเวลา “ในยามที่เราอ่อนแอ พระองค์จะช่วยเสริมกำลังให้เราเข้มแข็ง”


เช้าของวันที่ 24 ธันวาคม 2010 พวกเราเดินทางกลับจากเชียงรายมาถึงกรุงเทพฯในเวลาตีสามครึ่ง และพวกเราก็ต้องไปเป็นผู้ช่วยในการจัดงานเฉลิมฉลองคริสตมาสที่โรงเรียนสวนลุมพินี ซึ่งพวกเราจะต้องเริ่มไปเตรียมตัวกันตั้งแต่หกโมงครึ่งในตอนเช้าของวันเดียวกันนั้น

ที่โรงเรียนในวันนั้นมีนักเรียนประมาณ 700 คน พวกเราและอาจารย์สุชาติซึ่งเป็นประธานในการจัดงานในครั้งนี้ ได้ช่วยกันจัดเตรียมของขวัญ และหาสปอนต์เซอร์เพื่อแจกนมไวตามิลค์จำนวน 700 กล่องให้แก่เด็กๆในวันนั้นด้วย ซึ่งเด็กๆก็ตื่นเต้นกันมากเพราะได้ร่วมเล่มเกมส์ และก็มีการตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องของวันคริสตมาส พวกเราได้เล่าถึงความหมายที่แท้จริงของวันคริสตมาส และร่วมกันชื่นชมยินดีในวันคริสตมาสนี้ด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มีหลายๆคนที่ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริงเกี่ยวกับวันคริสตมาส พวกเขารู้แต่เรื่องของซานตาครอส หรือไม่ก็รอรับของขวัญวันคริสตมาสเท่านั้น แต่ไม่รู้เรื่องของพระเยซูว่าทำไมเราต้องเฉลิมฉลองวันประสูติของพระองค์ และในวันนั้นพวกเราก็ได้แจกของขวัญสะมาริตันให้แก่เด็กๆนักเรืยนที่สามารถชนะการแข่งขันเกมส์ในวันนั้น พวกเราจัดงานที่โรงเรียนเป็นเวลาสี่ชั่วโมง หลังจากนั้นก็เดินทางกลับบ้านเพื่อมาพักผ่อน


บ่ายของวันถัดมาก็เป็นวันคริสตมาส พวกเราก็เดินทางไปร่วมเฉลิมฉลองคริสตมาสกับคริสตจักรมหาชลที่เซ็นทรัลเวิลล์ กรุงเทพฯ ก็มีผู้คนที่มาเดินซื้อของกันที่นั่นได้มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก ในงานนี้ก็มีทีมนักร้อง (คริสเตียน) ทีมการแสดงจากเกาหลี มาร่วมด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็ต้องรีบไปร่วมงานคริสตมาสต่อที่โรงแรมเอวานา (ห่างจากที่นั่นประมาณ 24 กม.) ซึ่งงานนี้ก็ได้เชิญแขกที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนมาร่วมงานประมาณ 650 คน โดยการเชิญพวกเรามารับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ด้วยกันและรับฟังคำพยานจากพี่น้องคริสเตียน แต่พวกเราก็ไม่สามารถอยู่ร่วมงานได้นานมากนักเพราะว่าพวกเราก็ต้องรีบกลับไปที่งานคริสตมาสที่เซ็นทรัลเวิลล์อีกครั้งหนึ่ง

วันที่ 30 ธันวาคม 2010 – 1 มกราคม 2011 พวกเราเดินทางไปสิงค์โปร์เพื่อพบกับพี่น้องคริสเตียนที่นั่น ซึ่งพวกเราได้เข้าพักที่ มิชชั่นเฮ้าส์ ราคา 20 ดอลล่าห์สิงค์โปร์/คืน (16 ดอลล่าห์สหรัฐ) หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปที่กัวลาลัมเปอร์เป็นเวลาห้าวัน พวกเราได้ไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกันกับคณะกรรมการของพันธกิจจากคริสตจักรแกลดไทดิ้ง และพูดคุยกันเรื่องของโครงการเปิดคริสตจักรที่เมืองไทย แต่ก็ไม่ได้รับความคืบหน้าใดๆ พวกเราคิดว่าบางทีพระเจ้าอาจจมีแผนการอื่นที่เตรียมไว้ให้แก่พวกเรา

พวกเรายุ่งมากในการประชุมร่วมกันกับพี่น้องคริสเตียนแต่ก็เป็นการดีที่เรามีโอกาสใช้เวลาร่วมกัน ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปแบ่งปันพระวจนะของพระเจ้าให้กับพี่น้องกลุ่ม FGB ที่สถานประกาศดามานซาราอินตัน อยู่ในปัตตาลิงค์จายา


ช่วงระหว่างเดือนมกราคม 2011 พวกเรายุ่งอยู่กับการเตรียมงานของ HT Long – คอนเสิร์ตของเอลวิสมาเลเซีย (นักร้องเสียงทองเหมือนเอลวิส) เพื่อไปร้องเพลงในคริสตจักรต่างๆในกรุงเทพฯ ซึ่งงานจะเริ่มขึ้นวันที่ 29-30 มกราคม และก่อนหน้านั้นในวันที่ 28 มกราคม พวกเราและ HT Long ก็ได้มีโอกาสไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกับเอลวิสเมืองไทย พวกเรามีความยินดีที่ได้มีโอกาสพบกับคุณจาฤกษ์ วิริยะกิจ ซึ่งท่านได้เปิดการแสดงร้องเพลงของเอลวิสอยู่ที่โรงแรมเอเชีย ในวันนั้นเอลวิสทั้งสามท่านได้ประชันการร้องเพลงเอลวิสด้วยกัน


เช้าวันที่ 29 มกราคม พวกเราจัดงานการแสดงร้องเพลงของ HT Long – เอลวิสมาเลเซีย ขึ้นที่โรงแรมเอวานา กรุงเทพฯ ในงานนี้ได้เชิญแขกที่เป็นนักธุรกิจมาร่วมงาน ซึ่งหนึ่งในท่านนั้นคืออดีตปลัดกระทรวงกลาโหมมาร่วมงานด้วย แต่ท่านไม่ได้เป็นคริสเตียน และท่านได้มาร้องเพลงร่วมกัน HT Long หลังจากนั้น HT Long ก็ได้แบ่งปันคำพยานและเรื่องราวความรักของพระเจ้า หลังจากนั้นท่านปลัดซึ่งไม่ได้เป็นคริสเตียนก็ตัดสินใจรับเชื่อ

ในที่สุด พระเจ้าก็ทรงทำงานอย่างลี้ลับในการที่จะสัมผัสเข้าไปในจิตใจของมนุษย์ พวกเราขอบคุณพระเจ้าที่ทางเจ้าของโรงแรมได้จัดเตรียมห้องสูทไว้ให้พวกเราพักฟรีตลอดระยะเวลาสี่วัน ขอพระเจ้าอวยพระพรให้แก่คณะผู้บริหารของโรงแรมด้วยสำหรับความเอื้ออาทรในครั้งนี้


ในเย็นวันนั้น พวกเราก็เดินทางต่อไปที่คริสตจักรมหาชล กรุงเทพฯ เพื่อจัดการแสดงของ HT Long พวกเราได้เชื้อเชิญคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนมาร่วมงานในวันนั้น รวมถึงคุณอาของเจนนี่ด้วย หลังจบการแสดง HT Long ได้เชื้อเชิญให้พี่น้องมารับเชื่อ ก็ได้มีหลายๆคนที่ตัดสินใจเดินออกมา และ HT Long ก็ได้อธิษฐานให้แก่พวกเขา ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าทรงใช้คนธรรมดาเช่นเขา รวมถึงของประทานด้านเสียงเพลงที่เหมือนเอลวิส ที่จะสัมผัสจิตใจผู้ที่มาเข้าร่วมงาน

ในเช้าวันถัดมา พวกเราเดินทางไปคริสตจักรกิจการของพระคริสต์ กรุงเทพฯ ซึ่งเขาได้เปิดโอกาสให้พวกเราขึ้นไปแสดงในช่วงสุดท้าย แต่เรามีเวลาที่จำกัดเพราะว่าทางผู้นำของคริสตจักรได้มอบเวลาให้แก่ HT Long เพียงแค่สิบห้านาทีเท่านั้น และในที่ประชุมก็ตื่นเต้นเมื่อได้ฟังเสียงเพลงที่เหมือนกับเอลวิส เพรสลี่ย์ ตัวจริง มีหลายๆคนตรบมือให้ และบางคนก็ตะโกนขอให้ร้องเพลงอีก แต่ก็น่าเสียดายที่พวกเราจะต้องรีบไปจัดงานแสดงอีกที่หนึ่ง และจะต้องไปถึงที่หมายภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง


มีสมาชิกบางคนจากคริสตจักรกิจการฯและคริสตจักรอื่นๆได้มาร่วมงานแสดงคอนเสิร์ตของ HT Long ที่คริสตจักรที่สอง สามย่าน ซึ่งที่นี่เราจัดการแสดงเป็นเวลาสองชั่วโมง HT Long ได้ร้องเพลงร๊อคแอนด์โรล์ด้วย และได้มีคุณตาท่านหนึ่งซึ่งเดินถือไม้เท้ามาด้วย ท่านได้ขึ้นไปเต้นที่บนเวทีโดยที่นักร้องเป็นคนถือไม้เท้าให้แก่คุณตา คุณตาได้รับการรักษา ท่านไม่ต้องถือไม้เท้าแล้ว นี่เป็นการอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ...ขอบคุณพระเจ้า

หลังจากนั้นสองสามสัปดาห์ ศิษยาภิบาลของคริสตจักรนั้นได้บอกพวกเราว่า ทางคณะผู้นำของคริสตจักรนั้นมีความสุขและพอใจกับการแสดงในครั้งนี้มาก และพวกเขาหวังว่าพวกเราจะจัดงานเช่นนี้อีกในคราวหน้า

พวกเราอยากจะขอบคุณพี่น้องทุกๆท่านที่ได้ให้การสนับสนุนการรับใช้ของพวกเราในประเทศไทย ขอให้พี่น้องที่จะอธิษฐานเผื่อสุขภาพและการรับใช้ของพวกเราต่อไป ขอพระเจ้าอวยพระพรท่านและขอให้ท่านมีความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งอยู่ในพระองค์

พระเจ้าอวยพร

ศจ.สตีฟ ปีเตอร์ เฮส เอส ค๊อค และ ซิสเตอร์ เจนนี่ พี ค๊อค