03 มีนาคม 2554

การรับใช้ - แจกของขวัญ - จัดการแสดง

ชาโลม (สันติสุขอยู่กับท่าน)

พวกเราได้รับอีเมล์หนุนใจอย่างมากมายจากพี่น้องเพื่อให้เราดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อในพระคริสต์ ซึ่งแท้จริงแล้วนั้น ไม่มีอะไรเลยที่จะเป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้า และตอนนี้มีผู้ที่ได้อ่านอีเมล์ของพวกเราเป็นจำนวน 8,000 คนแล้ว และมีผู้เยี่ยมเยียนบล็อคของพวกเราเป็นจำนวน 6,000 คนต่อเดือน ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ได้กระทำ!

พวกเราสามารถที่จะสัมผัสได้ว่า ตอนนี้เป็นเวลาใกล้วันสิ้นยุคเข้ามาแล้ว ซึ่งในพระธรรมมัทธิว บทที่ 24 ก็ได้มีการกล่าวเอาไว้ว่า ไม่มีใครรู้ว่าวันเวลาเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน ข้าพเจ้าได้อ่านข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อาการโลกแปรปรวน เหตุการณ์จราจลภายในประเทศ การขาดแคลนอาหาร และสงครามระหว่างประชาชาติ เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าวันสิ้นสุดนั้นจะมาถึงเมื่อใด แต่ว่าเราก็มั่นใจว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเหล่านี้นั้น ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์

ในประวัติศาสตร์โลกรวมไปถึงการออกเดินทางแสวงหาบุญของพวกเราเองนั้น ล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า และพวกเราสามารถมีความปลอดภัยได้ก็โดยการที่เราได้ไว้วางใจในความรักของพระองค์ และเชื่อว่าพระองค์จะทรงนำเราไปสู่จุดหมายปลายทางในชีวิต แต่นอกจากนี้แล้วนั้น ในเวลานี้ก็ได้มีผู้พยากรณ์เท็จเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากมาย พวกเขาได้ทำหมายสำคัญปลอมเพื่อหวังที่จะมีพลังและอำนาจทางฝ่ายจิตวิญญาณ

มีนักเขียนชาวยิวท่านหนึ่งได้พูดถึงเรื่องการถูกล่อลวงของเอวา รวมไปถึงการปลอมตัวของซาตานในรูปของทูตสวรรค์ ไม่มีใครหลอกลวงได้เก่งเหมือนซานตาน เจ้าชายแห่งความมืด มันปลอมตัวเป็นทูตแห่งความสว่าง ในทางเดียวกันนั้น อัครทูตปลอมนี้ก็ยังได้แอบอ้างตนเองว่าเป็นอัตรทูตของพระเยซูคริสต์ แต่แท้จริงแล้วพวกเขาเป็นตัวแทนของซาตาน ดังนั้น พวกเราจะต้องระวังตัวต่อสถานการณ์เหล่านี้ ต้องแนบสนิทกับพระเจ้า เชื่อว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นเป็นความจริงและพระเยซูคริสต์จะสามารถช่วยให้เราเป็นไทได้



พระเจ้าทรงทำงานอย่างอัศจรรย์ และทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเรา คือเมื่อเดือนสิงหาคม 2010 พวกเราได้ทูลขอกับพระเจ้าในเรื่องยานพาหนะเพื่อใช้สำหรับการเดินทางในการออกไปรับใช้ และพระเจ้าทรงประทานรถยนต์มือสองให้แก่พวกเราในเดือนธันวาคม 2010 ราคาของรถยนต์ตกอยู่ที่ 150,000 บาท (4,900 ดอลล่าห์สหรัฐ) และสภาพของรถนั้นก็ยังใหม่อยู่ ไม่ต้องทำการซ่อมแซมแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของไฟแนนซ์นั้น ข้าพเจ้าทำการผ่อนค่างวดกับทางเต้นท์รถโดยตรงซึ่งเจ้าของก็เป็นคริสเตียน ข้าพเจ้าใช้เพียงแค่พาสปอร์ตเท่านั้นและไม่ต้องมีคนค้ำประกันใดๆทั้งสิ้น และไม่เพียงแค่นั้น ในตอนนี้พวกเราจ่ายค่างวดรถเกือบหมดแล้ว

พระเจ้าทรงแสนดีต่อเราเมื่อเราได้แสวงหาพระองค์ด้วยความถ่อมใจและจริงใจ



เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2010 พวกเราได้จัดพิมพ์หนังสือเป็นภาษาไทยขึ้นมาเล่มหนึ่ง ชื่อว่า “บันทึกการเดินทาง” มันเป็นเรื่องราวของคำพยานชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อด้วย หนังสือของพวกเราได้สัมผัสจิตใจของผู้อ่านหลายๆท่าน ซึ่งพวกเขาได้มาแบ่งปันให้แก่พวกเราหลังจากที่เขาได้อ่านหนังสือของพวกเราแล้ว และก็มีบางคนที่ได้อ่านหนังสือไปแล้วก็ตัดสินใจยอมรับพระเยซูเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชิวิตของเขา ซึ่งหนังสือของพวกเราได้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์คริสเตียนนิวส์ด้วย และพวกเราก็ได้รับโทรศํพท์เพื่อสั่งซื้อหนังสือของพวกเรา หนังสือเล่มนี้ได้จัดพิมพ์ขึ้นเป็นจำนวน 1,000 เล่ม ราคาเล่มละ 79 บาท (2.45 ดอลล่าห์สหรัฐ) ซึ่งได้มีวางจำหน่ายอยู่ที่ร้านหนังสือคริสเตียนในกรุงเทพฯ และนอกจากนี้แล้วพวกเราก็ยังได้ทำการแจกหนังสือนี้ฟรีเป็นจำนวน 100 เล่ม ซึ่งได้มีพี่น้องหนึ่งในนั้น ท่านได้มอบเงินถวายให้แก่พวกเราหลังจากที่อ่านหนังสือไปแล้วเป็นจำนวน 10,000 บาท (326 ดอลล่าห์สหรัฐ) ขอบคุณพระเจ้า พระองค์ไม่เคยมอบกลับคืนให้แก่เราในจำนวนที่น้อยกว่าที่เราตั้งใจจะมอบถวายให้แก่พระเองค์ แต่พระองค์จะทรงให้เรามากกว่านั้นถ้าหากว่าพวกเราเชื่อในพระองค์

อ้างอิงถึงรายงานของข้าพเจ้าจากอีเมล์ฉบับที่แล้ว ซึ่งข้าพเจ้าได้ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับทีมรับใช้ของคริสตจักรแกลดไทดิ้งส์ คริสเตียนสัมพันธ์ มาเลเซีย และพวกเราก็ได้เดินทางกลับไปที่ประเทศมาเลเซียเพื่อเข้าร่วมการประชุมกับคณะกรรมการของทางคริสตจักรเมื่อตอนต้นเดือนมกราคม 2011 อย่างไรก็ตาม ทางคริสตจักรได้ตัดสินใจที่จะชลอโครงการและการจัดตั้งคริสตจักรในเมืองไทยไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด และจากเหตุการณ์นี้ทำให้มีผลกระทบต่อแผนการรับใช้ของพวกเราในกรุงเทพฯด้วย เพราะพวกเราได้ทำการประกาศและจัดเตรียมทีมงานจำนวน 20 คนในการที่จะมาเข้าร่วมการบุกเบิกคริสตจักรด้วยกัน ดังนั้นมันเลยเป็นการยากที่เราจะทำการเคลื่อนไหวโครงการนี้ต่อไป และพวกเราจึงตัดสินใจว่า ทางออกที่ดีที่สุดของพวกเราในตอนนี้ก็คือ พวกเราตัดสินใจที่จะถอนตัวออกจากโครงการนี้เสียแต่เนิ่นๆ ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าทรงมีแผนการณ์เพื่อพวกเราซึ่งดีกว่าแผนการณ์ของพวกเขา

เมื่อกลางเดือนกันยายน 2010 ดร.ศิล์ปชัย (หัวหน้าทีมศิษยาภิบาล)ได้เชื้อเชิญให้ข้าพเจ้าเข้ามาร่วมทีมกับคณะศิษยาภิบาลของคริสตจักรมหาชลอยู่หลายครั้ง แต่ข้าพเจ้าก็ได้ปฏิเสธการเชื้อเชิญนั้นมาโดยตลอด จนกระทั่งกลางเดือนมกราคม 2011 ทาง ดร.ศิล์ปชัย ก็ได้มาเชื้อเชิญข้าพเจ้าให้มารับตำแหน่งนี้อีกครั้งหนึ่งโดยการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ และเจนนี่ก็ตอบตกลงไปในทันที ซึ่งนั่นก็เป็นแผนการณ์หนึ่งที่พระเจ้าได้เตรียมไว้ให้แก่พวกเราเพื่อที่จะเข้าไปช่วยเหลือในคริสตจักร และทางคริสตจักรก็ได้แต่งตั้งข้าพเจ้าเป็นศิษยาภิบาลที่ปรึกษา(อาสาสมัคร)

รายงานเกี่ยวกัการรับใช้


ในกลางเดือนธันวาคม 2010 พวกเราได้ไปซื้อของใช้ที่จำเป็น (สบู่ ยาสระผม แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แป้ง มาม่า ขนมปัง หนังสือ ยาพาราเซตามอล ฯลฯ) เพื่อที่จะนำไปแจกจ่ายให้แก่ที่น้องที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ซึ่งในการนี้ ข้าพเจ้าก็ได้นำเงินที่พี่น้องได้ถวายให้แก่พวกเราเป็นการส่วนตัวจำนวน 5,500 บาท (180 ดอลล่าห์สหรัฐ) มาซื้อสิ่งของเหล่านี้ และพวกเราได้จัดแบ่งสิ่งของออกเป็นชุดๆได้ทั้งหมด 120 ชุด และนอกจากนี้พวกเราก็ได้ถวายเงินให้กับโครงการเรารักเด็กไทยเป็นจำนวน 1,000 บาท (33 ดอลล่าห์สหรัฐ) อีกด้วยเพื่อเป็นค่าของขวัญสะมาริตัน จากประเทศออสเตรเลีย จำนวน 95 กล่อง


วันที่ 18 ธันวาคม 2010 พวกเราไปร่วมกับชมรมคริสเตียนสวนลุมพินีเพือการประกาศ ที่นั่นมีพี่น้องที่ไม่มีบ้านอยู่จำนวน 80 คน ในวันนั้นข้าพเจ้าไม่มีโอกาสได้แบ่งปันพระวจนะของพระเจ้า เพราะว่าตารางเวลาของวันนั้นแน่นมาก และในวันนั้นได้มีพี่น้องชายท่านหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากไต้หวัน เขาได้มาแบ่งปันของประทาน เรื่องการหัวเราะเพื่อความชื่นชมยินดีในพระเจ้า และหลังจากนั้นพวกเราก็ได้นำของขวัญที่ได้จัดเตรียมเอาไว้มาแจกจ่ายเป็นของขวัญคริสตมาสให้แก่พี่น้องที่ไม่มีบ้าอยู่เหล่านั้น รวมไปถึงการแจกจ่ายให้แก่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วยเพื่อเป็นพระพรให้แก่พวกเขา – สุภาษิต 22 ข้อ 9บุคคลที่มีตาแสดงใจกว้างขวางก็จะรับพร เพราะเขาแบ่งส่วนอาหารของเขาแก่คนยากจน” ฮาเลลูยา!


หลังจากนั้นสองวัน ทางคริสตจักรหัวหินก็ได้เชื้อเชิญให้เราไปร่วมงานคริสตมาสด้วยกัน ซึ่งทางคริสตจักรที่นั่นได้ร่วมมือกันกับคริสตจักรต่างๆอีกจำนวน 18 แห่ง ในการที่จะจัดงานเฉลิมฉลองคริสตมาสขึ้นมา ณ หัวหินมาร์เก็ตวิลเล็จ และในงานนี้ก็ได้เชิญท่านผู้ว่าราชการประจวบฯมาร่วมเป็นประธานเปิดงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งงานจะเริ่มต้นขึ้นในตอนเย็น พวกเราได้มาอยู่ร่วมในงานนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ศิษยาภิบาลที่นั่นได้เล่าให้พวกเราฟังว่า โดยปกติแล้วท่านผู้ว่าจะไม่เคยอยู่ร่วมงานนานขนาดนี้ ซึ่งในทุกๆครั้งท่านจะมาอยู่ไม่เคยเกินครึ่งชั่วโมงเลย แต่ว่าในครั้งนี้ท่านได้มาร่วมงานกับเรานานเป็นพิเศษ ขอบคุณพระเจ้า!


เช้าวันที่ 22 ธันวาคม 2010 พวกเราไปร้องเพลงคริสตมาสร่วมกันที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งก็มีพี่น้องจากหลายๆคริสตจักรมาร่วมกันร้องเพลงด้วย ข้าพเจ้าได้มีโอกาสแบ่งปันพระวจนะของพระเจ้าให้แก่ผู้ป่วยที่มารอรับการรักษาด้วย และหลังจากนั้นข้าพเจ้ากับภรรยาก็ต้องขับรถขึ้นไปที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย (ประมาณ 900 กม.) เพื่อที่จะไปช่วยเหลือพี่น้องคริสเตียนท่านหนึ่ง มันเป็นการเดินทางที่เหนื่อยมากสำหรับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ไม่ได้นอนเลยด้วยแต่ว่าพระเจ้าทรงเสริมกำลัง ทำให้ข้าพเจ้าตื่นอยู่ตลอดเวลา “ในยามที่เราอ่อนแอ พระองค์จะช่วยเสริมกำลังให้เราเข้มแข็ง”


เช้าของวันที่ 24 ธันวาคม 2010 พวกเราเดินทางกลับจากเชียงรายมาถึงกรุงเทพฯในเวลาตีสามครึ่ง และพวกเราก็ต้องไปเป็นผู้ช่วยในการจัดงานเฉลิมฉลองคริสตมาสที่โรงเรียนสวนลุมพินี ซึ่งพวกเราจะต้องเริ่มไปเตรียมตัวกันตั้งแต่หกโมงครึ่งในตอนเช้าของวันเดียวกันนั้น

ที่โรงเรียนในวันนั้นมีนักเรียนประมาณ 700 คน พวกเราและอาจารย์สุชาติซึ่งเป็นประธานในการจัดงานในครั้งนี้ ได้ช่วยกันจัดเตรียมของขวัญ และหาสปอนต์เซอร์เพื่อแจกนมไวตามิลค์จำนวน 700 กล่องให้แก่เด็กๆในวันนั้นด้วย ซึ่งเด็กๆก็ตื่นเต้นกันมากเพราะได้ร่วมเล่มเกมส์ และก็มีการตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องของวันคริสตมาส พวกเราได้เล่าถึงความหมายที่แท้จริงของวันคริสตมาส และร่วมกันชื่นชมยินดีในวันคริสตมาสนี้ด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มีหลายๆคนที่ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริงเกี่ยวกับวันคริสตมาส พวกเขารู้แต่เรื่องของซานตาครอส หรือไม่ก็รอรับของขวัญวันคริสตมาสเท่านั้น แต่ไม่รู้เรื่องของพระเยซูว่าทำไมเราต้องเฉลิมฉลองวันประสูติของพระองค์ และในวันนั้นพวกเราก็ได้แจกของขวัญสะมาริตันให้แก่เด็กๆนักเรืยนที่สามารถชนะการแข่งขันเกมส์ในวันนั้น พวกเราจัดงานที่โรงเรียนเป็นเวลาสี่ชั่วโมง หลังจากนั้นก็เดินทางกลับบ้านเพื่อมาพักผ่อน


บ่ายของวันถัดมาก็เป็นวันคริสตมาส พวกเราก็เดินทางไปร่วมเฉลิมฉลองคริสตมาสกับคริสตจักรมหาชลที่เซ็นทรัลเวิลล์ กรุงเทพฯ ก็มีผู้คนที่มาเดินซื้อของกันที่นั่นได้มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก ในงานนี้ก็มีทีมนักร้อง (คริสเตียน) ทีมการแสดงจากเกาหลี มาร่วมด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็ต้องรีบไปร่วมงานคริสตมาสต่อที่โรงแรมเอวานา (ห่างจากที่นั่นประมาณ 24 กม.) ซึ่งงานนี้ก็ได้เชิญแขกที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนมาร่วมงานประมาณ 650 คน โดยการเชิญพวกเรามารับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ด้วยกันและรับฟังคำพยานจากพี่น้องคริสเตียน แต่พวกเราก็ไม่สามารถอยู่ร่วมงานได้นานมากนักเพราะว่าพวกเราก็ต้องรีบกลับไปที่งานคริสตมาสที่เซ็นทรัลเวิลล์อีกครั้งหนึ่ง

วันที่ 30 ธันวาคม 2010 – 1 มกราคม 2011 พวกเราเดินทางไปสิงค์โปร์เพื่อพบกับพี่น้องคริสเตียนที่นั่น ซึ่งพวกเราได้เข้าพักที่ มิชชั่นเฮ้าส์ ราคา 20 ดอลล่าห์สิงค์โปร์/คืน (16 ดอลล่าห์สหรัฐ) หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปที่กัวลาลัมเปอร์เป็นเวลาห้าวัน พวกเราได้ไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกันกับคณะกรรมการของพันธกิจจากคริสตจักรแกลดไทดิ้ง และพูดคุยกันเรื่องของโครงการเปิดคริสตจักรที่เมืองไทย แต่ก็ไม่ได้รับความคืบหน้าใดๆ พวกเราคิดว่าบางทีพระเจ้าอาจจมีแผนการอื่นที่เตรียมไว้ให้แก่พวกเรา

พวกเรายุ่งมากในการประชุมร่วมกันกับพี่น้องคริสเตียนแต่ก็เป็นการดีที่เรามีโอกาสใช้เวลาร่วมกัน ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปแบ่งปันพระวจนะของพระเจ้าให้กับพี่น้องกลุ่ม FGB ที่สถานประกาศดามานซาราอินตัน อยู่ในปัตตาลิงค์จายา


ช่วงระหว่างเดือนมกราคม 2011 พวกเรายุ่งอยู่กับการเตรียมงานของ HT Long – คอนเสิร์ตของเอลวิสมาเลเซีย (นักร้องเสียงทองเหมือนเอลวิส) เพื่อไปร้องเพลงในคริสตจักรต่างๆในกรุงเทพฯ ซึ่งงานจะเริ่มขึ้นวันที่ 29-30 มกราคม และก่อนหน้านั้นในวันที่ 28 มกราคม พวกเราและ HT Long ก็ได้มีโอกาสไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกับเอลวิสเมืองไทย พวกเรามีความยินดีที่ได้มีโอกาสพบกับคุณจาฤกษ์ วิริยะกิจ ซึ่งท่านได้เปิดการแสดงร้องเพลงของเอลวิสอยู่ที่โรงแรมเอเชีย ในวันนั้นเอลวิสทั้งสามท่านได้ประชันการร้องเพลงเอลวิสด้วยกัน


เช้าวันที่ 29 มกราคม พวกเราจัดงานการแสดงร้องเพลงของ HT Long – เอลวิสมาเลเซีย ขึ้นที่โรงแรมเอวานา กรุงเทพฯ ในงานนี้ได้เชิญแขกที่เป็นนักธุรกิจมาร่วมงาน ซึ่งหนึ่งในท่านนั้นคืออดีตปลัดกระทรวงกลาโหมมาร่วมงานด้วย แต่ท่านไม่ได้เป็นคริสเตียน และท่านได้มาร้องเพลงร่วมกัน HT Long หลังจากนั้น HT Long ก็ได้แบ่งปันคำพยานและเรื่องราวความรักของพระเจ้า หลังจากนั้นท่านปลัดซึ่งไม่ได้เป็นคริสเตียนก็ตัดสินใจรับเชื่อ

ในที่สุด พระเจ้าก็ทรงทำงานอย่างลี้ลับในการที่จะสัมผัสเข้าไปในจิตใจของมนุษย์ พวกเราขอบคุณพระเจ้าที่ทางเจ้าของโรงแรมได้จัดเตรียมห้องสูทไว้ให้พวกเราพักฟรีตลอดระยะเวลาสี่วัน ขอพระเจ้าอวยพระพรให้แก่คณะผู้บริหารของโรงแรมด้วยสำหรับความเอื้ออาทรในครั้งนี้


ในเย็นวันนั้น พวกเราก็เดินทางต่อไปที่คริสตจักรมหาชล กรุงเทพฯ เพื่อจัดการแสดงของ HT Long พวกเราได้เชื้อเชิญคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนมาร่วมงานในวันนั้น รวมถึงคุณอาของเจนนี่ด้วย หลังจบการแสดง HT Long ได้เชื้อเชิญให้พี่น้องมารับเชื่อ ก็ได้มีหลายๆคนที่ตัดสินใจเดินออกมา และ HT Long ก็ได้อธิษฐานให้แก่พวกเขา ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าทรงใช้คนธรรมดาเช่นเขา รวมถึงของประทานด้านเสียงเพลงที่เหมือนเอลวิส ที่จะสัมผัสจิตใจผู้ที่มาเข้าร่วมงาน

ในเช้าวันถัดมา พวกเราเดินทางไปคริสตจักรกิจการของพระคริสต์ กรุงเทพฯ ซึ่งเขาได้เปิดโอกาสให้พวกเราขึ้นไปแสดงในช่วงสุดท้าย แต่เรามีเวลาที่จำกัดเพราะว่าทางผู้นำของคริสตจักรได้มอบเวลาให้แก่ HT Long เพียงแค่สิบห้านาทีเท่านั้น และในที่ประชุมก็ตื่นเต้นเมื่อได้ฟังเสียงเพลงที่เหมือนกับเอลวิส เพรสลี่ย์ ตัวจริง มีหลายๆคนตรบมือให้ และบางคนก็ตะโกนขอให้ร้องเพลงอีก แต่ก็น่าเสียดายที่พวกเราจะต้องรีบไปจัดงานแสดงอีกที่หนึ่ง และจะต้องไปถึงที่หมายภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง


มีสมาชิกบางคนจากคริสตจักรกิจการฯและคริสตจักรอื่นๆได้มาร่วมงานแสดงคอนเสิร์ตของ HT Long ที่คริสตจักรที่สอง สามย่าน ซึ่งที่นี่เราจัดการแสดงเป็นเวลาสองชั่วโมง HT Long ได้ร้องเพลงร๊อคแอนด์โรล์ด้วย และได้มีคุณตาท่านหนึ่งซึ่งเดินถือไม้เท้ามาด้วย ท่านได้ขึ้นไปเต้นที่บนเวทีโดยที่นักร้องเป็นคนถือไม้เท้าให้แก่คุณตา คุณตาได้รับการรักษา ท่านไม่ต้องถือไม้เท้าแล้ว นี่เป็นการอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ...ขอบคุณพระเจ้า

หลังจากนั้นสองสามสัปดาห์ ศิษยาภิบาลของคริสตจักรนั้นได้บอกพวกเราว่า ทางคณะผู้นำของคริสตจักรนั้นมีความสุขและพอใจกับการแสดงในครั้งนี้มาก และพวกเขาหวังว่าพวกเราจะจัดงานเช่นนี้อีกในคราวหน้า

พวกเราอยากจะขอบคุณพี่น้องทุกๆท่านที่ได้ให้การสนับสนุนการรับใช้ของพวกเราในประเทศไทย ขอให้พี่น้องที่จะอธิษฐานเผื่อสุขภาพและการรับใช้ของพวกเราต่อไป ขอพระเจ้าอวยพระพรท่านและขอให้ท่านมีความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งอยู่ในพระองค์

พระเจ้าอวยพร

ศจ.สตีฟ ปีเตอร์ เฮส เอส ค๊อค และ ซิสเตอร์ เจนนี่ พี ค๊อค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น