ทักทายกันในนามของพระเยซูชาวนาซาเร็ท!
ตอนนี้มข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์สึนามิซึ่งได้เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 11 มีนาคม 2011 “เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 140 ปี และยังได้ก่อให้เกิดคลื่นสึกนามิซึ่งสูงถึง 10 เมตร (30 ฟุต) ซึ่งได้กวาดทั่วทั้งพื้นที่การเกษตร ทำลายพืชผลต่างๆ กวาดเอาบ้านเรือน ยานพาหนะ และก่อให้เกิดเพลิงไหม้เสียหาย” – สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อเร็วๆนี้ ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นขนาด 8.9 ริกเตอร์ ซึ่งก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูง 15 เมตรขึ้นบริเวณแถวชายฝั่ง – สำนักข่าวดิจิตอลเจอร์แนล
คำว่า “สึนามิ” เกิดขึ้นมาจากไหน? “สึนามิ” เป็นคำที่มาจากภาษาญี่ปุ่น หมายถึง : มรสุม (Tsu) และ คลื่น (nami) – พจนานุกรมภาษาอังกฤษฉบับ Oxford ซึ่งคำพหูพจน์ตามกฎในหลักภาษาอังกฤษแล้วจะต้องเติม ‘s’ หรือบางทีก็อาจจะไม่ต้องเปลี่ยนรูป แต่สามารถใช้ทับศัพท์ในภาษาญี่ปุ่นไปได้เลย

สิ่งแรก ลักษณะของ‘หนังสือม้วนหนึ่งเหาะอยู่’ก็เหมือนกับการเปิดม้วนกระดาษปาปิรัส และลักษณะของสึนามิหรือคลื่นยักษ์ก็เลยดูเหมือนกับ‘หนังสือม้วนหนึ่งเหาะอยู่’
สิ่งที่สอง เศคาริยาห์บอกว่าขนาดของหนังสือคือ ยาว 30 ฟุต และกว้าง 15 ฟุต นี่เป็นคำอธิบายที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่นในเดือนมีนาคม 2011
สิ่งที่สาม ‘คำสาป’ ได้กล่าวอ้างถึงคลื่นยักษ์ (สึนามิ) ซึ่งได้กวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างไป
พี่น้องในพระคริสต์ พวกเรามีชีวิตอยู่จนใกล้จะถึงวันพิพากษาหรือวันสิ้นยุคแล้ว คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ได้กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนถึงพระพิโรธของพระเจ้า มันขึ้นอยู่ที่เราว่าเราจะมองเห็นและแปลความหมายในความจริงที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเราอย่างไร หากว่าจะปฏิเสธและไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องการตักเตือน บทการลงโทษ พวกเรานั้นก็กำลังหลอกตัวเอง! ชีวิตบนโลกนั้นแสนสั้น ชีวิตนิรันดร์รอพวกเราอยู่ แต่พวกเราได้เตรียมพร้อมไหม และได้ยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดหรือไม่ พวกเราได้เชื่อฟังและปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์หรือไม่
ข้าพเจ้าจำได้อย่างแม่นยำเกี่ยวกับเรื่องหนึ่งซึ่งเพื่อนของข้าพเจ้าได้แบ่งปัน มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่ร่ำรวย และเขารู้ว่าเขาจะต้องจากไปในไม่ช้า เขาจึงได้ขอร้องกับลูกชายว่า ให้ช่วยเผาเงินทองของเขาไปพร้อมกับร่างกายของเขาด้วย ซึ่งลูกชายก็พยักหน้ารับ และเมื่อเวลานั้นมาถึง ลูกชายก็กล่าวต่อหน้าศพของพ่อว่า “ผมไม่โง่ที่จะเอาเงินของพ่อใส่ลงไปในหลุมฝังศพของพ่อหรอก เพราะว่าพ่อไม่สามารถจะเอามันไปใช้ได้” จากนั้นเขาก็ได้เขียนเช็คหนึ่งใบและใส่ลงไปในนั้น
ในพระธรรมมัทธิว บทที่ 6 ข้อ 19-20 ได้เตือนพวกเราว่า “อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้ และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้ แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้”
คำพยากรณ์อีกอย่างหนึ่งที่ได้กล่าวถึง อยู่ในพระธรรมวิวรณ์ บทที่ 6 ข้อ 12-14 ได้กล่าวไว้ว่า “เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่หกนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้เห็นแผ่นดินไหวใหญ่โต ดวงอาทิตย์ก็กลับมืดดำดุจผ้ากระสอบขนสัตว์ และดวงจันทร์วนเพ็ญก็กลายเป็นสีเลือด และดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าก็ตกลงบนพื้นดิน เหมือนกับต้นมะเดื่ออันถูกลมกล้าพัดจนทำให้ผลที่ยังไม่ทันสุกหล่นลงหมด ท้องฟ้าก็หายไปเหมือนกับหนังสือที่เขาม้วนขึ้นไปหมด และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็เลื่อนไปจากที่เดิม”
สามารถเช็คสถิติการเกิดแผ่นดินไหวได้ที่เว็ปไซด์ http://earthquake.usgs.gov ซึ่งท่านจะเห็นว่าในทุกๆนาทีนั้นจะมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้น และตามข่าวล่าสุดคือเกาะฮอนชูได้เคลื่อนตำแหน่งออกไปจากที่เดิม 8 ฟุต หรือ 2.4 เมตร และพวกเรายังไม่รู้เกี่ยวกับที่อื่นๆอีก บางทีท่านอาจจะต้องเริ่มต้นตรวจเช็คดูระหว่างประตูบ้านและพืนที่ภายในบริเวณโดยรอบว่ามีการขยับเขยื้อนไปบ้างหรือไม่
ข้าพเจ้าเชื่อว่า คำพยากรณ์ในเรื่องของตราดวงที่หกนั้น ขณะนี้ได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว และตอนนี้พวกเราจะเข้าสู่ช่วงของตราดวงที่เจ็ด
บรรดาผู้ที่ได้ซักอาภรณ์ของเขา คือผู้ที่ได้ค้นหาหนทางในการชำระบาปในชีวิตของตน และพวกเขายังคงสัตย์ซื่อ เตรียมพร้อมต้อนรับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ มันคงจะเป็นการยากที่เราจะนึกภาพว่า เลือดจะสามารถทำให้เสื้อผ้านั้นขาวสะอาดได้อย่างไร แต่โดยโลหิตของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ทนั้นเป็นน้ำยาที่ชำระล้างคราบที่วิเศษสุดในโลกนี้ เพราะว่ามันสามารถล้างคราบบาปออกไปได้ สีขาวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แบบปราศจากบาปหรือความบริสุทธิ์ ซึ่งสามารถที่จะมอบให้แก่มนุษย์ได้ก็โดยผ่านการถวายลูกแกะของพระเจ้าเป็นเครื่องบูชาแทนเรา หากว่าเราเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า พระคริสต์จะทรงอภัยบาปและชำระล้างบาปให้แก่เรา เอเมน!
คำสุดท้ายที่จะได้รับเป็นพระวจนะของพระเจ้า อำนาจอธิปไตยของพระองค์จะได้รับการเปิดเผยในวันสุดท้าย พวกเราไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ว่าที่สุดปลายจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่พวกเราสามารถมั่นใจในอำนาจของพระองค์ที่จะควบคุมสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ได้ ประวัติศาสตร์ของโลก รวมทั้งการแสวงหาความชอบธรรมของเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า เราสามารถมีความปลอดภัยอยู่ในความรักของพระองค์และไว้วางใจในการทรงนำของพระองค์ที่มีให้แก่ชีวิตของพวกเราได้
ดังนั้น ข้าพเจ้าอยากจะบอกพี่น้องในพระคริสต์ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า วันสิ้นยุคใกล้เข้ามาแล้ว ให้เตรียมตัวและดำเนินชีวิตอยู่!
ขออวยพระพร
ศจ.สตีฟ ปีเตอร์ เฮส เอส ค๊อค