10 กุมภาพันธ์ 2552

ใครส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มา : พระเจ้าหรือพระเยซูคริสต์

กราบเรียนทุกๆท่าน

เมื่อสองชั่วโมงที่แล้วมีคนถามคำถามหนึ่งแก่ผม และผมบอกเขาว่าผมจะตอบเขาทีหลังเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์บอกผม สรรเสริญพระเจ้า
ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลตั้งแต่พันธสัญญาเดิมจนกระทั่งพันธสัญญาใหม่นั้น ได้พูดถึงเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งหมด 98 ครั้ง โดยเริ่มต้นจากพระธรรมสดุดี 51:11 ไปถึงพระธรรมยูดา 1:20

ไม่สามารถที่จะต่อต้านหรือเปลี่ยนแปลงข้อความไปได้ถ้าคำพูดนั้นมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ฉะนั้นเราจำเป็นต้องเงียบเสีย แต่ถ้าหากว่าคำพูดนั้นมาจากมนุษย์ เราจำเป็นที่จะต้องแก้ไขให้ถูกต้องโดยยึดข้อความในพระคัมภีร์เป็นหลัก ทุกๆโรงเรียนที่สอนศาสนา นักเรียนที่นั่นจะมีความรู้เป็นอย่างดีในเรื่องพระคัมภีร์ และพวกเขาสามารถที่จะนำมาแต่งเป็นเรื่องเป็นราวได้อย่างดีรวมไปถึงบรรดาผู้สอนศาสนาด้วย ยกตัวอย่างเช่นว่า ใครพอจะทราบบ้างว่าพระเยซูคริสต์ทรงมีพระลักษณะเป็นเช่นไร นักเรียนชาวแอฟริกันจะบอกว่า พระเยซูทรงเหมือนชาวแอฟริกัน (ผมสั้นและหยิก) นักเรียนชาวจีนจะตอบว่า พระเยซูทรงเหมือนชาวจีน (ตัวเตี้ย และฉลาด) นักเรียนชาวตะวันตกจะตอบว่าก็เหมือนกับคนผิวขาว ฯลฯ แม้กระทั่งในนิตรสาร Time ทุกๆปีพวกเขาก็มักจะเปลี่ยนแปลงพระลักษณะของพระเยซูคริสต์ไปในรูปแบบต่างๆเสมอ...ตัวอย่างเช่น ในปีนี้พระเยซูทรงมีพระลักษณะเหมือนกับ CEO ปีที่แล้วพระองค์ดูเหมือนคนทั่วๆไป ฯลฯ แต่ในความเป็นจริงนั้น พวกเราทราบว่าพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั้นมาจากอิสราเอล ยกเว้นในหนังสือของเปาโล ด้วยเหตุนั้น พระเยซูจึงดูเหมือนชาวยิว และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด ผู้เป็นกษัตริย์ของชาวอิสราเอล

อะไรก็ตามมันก็ไม่ได้สำคัญที่ว่าพระเยซูจะทรงมีพระลักษณะเช่นไร แต่มันสำคัญที่ว่าเราจะอ้างอิงกลับไปในพระคำของพระเจ้าเพื่อที่เราจะได้รู้วิธีการที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เมื่อเรามีข้อผิดพลาดพระคำของพระเจ้าจะช่วยอธิบายให้เราได้ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว มันก็หมายความว่าเราแยกเราไปจากพระคริสต์โดยเราได้เดินตามทฤษฎีและการนำทางของตัวเอง

แล้วใครเป็นผู้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์....มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเราจะกลับไปดูในพระคำของพระเจ้า

สดุดี 51:11 “ขออย่าทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ไปเสียจากเบื้องพระพักตร์พระองค์ และขออย่าทรงนำวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากข้าพระองค์”

อิสยาห์ 63:11 “แล้วพระองค์ทรงระลึกถึงสมัยเก่าก่อน ถึงโมเสส ถึงชนชาติของพระองค์ พระองค์ทรงนำเขาทั้งหลายขึ้นมาจากทะเลพร้อมกับผู้เลียงแพะแกะของพระองค์อยู่ที่ไหน พระองค์ทรงอยู่ที่ไหน ผู้ซึ่งบรรจุวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ท่ามกลางเขาทั้งหลาย”

(นี่เป็นบางข้อพระคัมภีร์ที่ข้าพเจ้าเลือกมาเพื่อให้คุณเข้าใจได้ง่ายขึ้น...พระวิญญาณบริสุทธิ์ถูกส่งมาโดย “พระเจ้า” ในพระคัมภีร์เดิมพวกเราจะเรียกพระองค์ว่า “พระบิดา” )

ถ้าพระเยซูเป็นผู้ส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์มาให้เรา “ทำไม” พระองค์จะต้องทรงรับบัพติศมาโดยพระวิญญาณ (มัทธิว 3:11 “เราจะให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังเรา ทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าเราอีก ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้จะถอดฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ”) เพราะว่าพระเจ้าทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์และพระเจ้าจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะใครจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ

เมื่อพระเยซูทรงเตือนผู้คนที่ได้กล่าวร้ายถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นไม่ได้ แต่สามารถกล่าวร้ายถึงบุตรพระเยซูคริสต์ได้ (มัทธิว 12:32 “ผู้ใดจะกล่าวร้ายบุตรมนุษย์จะโปรดยกให้ผู้นั้นด้ แต่ผู้ใดจะกล่าวร้ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะทรงโปรดยกให้ผู้นั้นไม่ได้ ทั้งยุคนี้และยุคหน้า”) ใครคือบุตรมนุษย์...พระเยซูคริสต์คือบุตรมนุษย์ ใครคือพระวิญญาณบริสุทธิ์....คุณจำเป็นที่จะต้องลองถามตัวคุณเองเกี่ยวกับสิ่งนี้

อ่านพระธรรมลูกา 10:21 “ในโมงนั้นเอง พระเยซูทรงมีความเปรมปรีด์ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงตรัสว่า ข้าแต่พระบิดา ผู้เป็นพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรคและโลก ข้าพระองค์สรเสริญพระงค์ ที่พระองค์ได้ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ไว้จากผู้มีปัญญาและผู้ฉลาด แต่ได้ทรงสำแดงให้ผู้น้อยรู้ ข้าแต่พระบิดา พระองค์ทรงเป็นชอบดังนั้น” ใช่แล้ว พระบิดาทรงต้องการให้คุณเดินในทางนี้ แล้งให้ที่ให้ความเปรมปรีด์แก่พระเยซู....จะใช่พระวิญญาณบริสุทธิ์หรือเปล่า

ท้ายที่สุดนี้ มันอยู่ในยอห์น 14:15-17 “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน” ใครขอพระบิดาให้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์....นั่นคือพระเยซูคริสต์ที่ได้ร้องทูลต่อพระบิดาซึ่งในข้อความนี้ก็ได้มีกล่าวเอาไว้อย่างชัดเจน พระเยซูตรัสว่า “เราจะ” ก็หมายถึงว่า ถ้าหากว่าเรารักษาพระบัญญัตินั่นก็คือการเชื่อฟังและมีศรัทธาในพระเยซู แล้วคุณก็จะได้รับมันไว้

ในส่วนสุดท้ายนี้ คือพระบิดาที่ได้ทรงส่งพระวิญญาณให้มาหาเรา ไม่ใช่พระเยซู และพระเยซูนั้นเป็นผู้ทูลขอจากพระบิดาให้แก่เรา

พระเจ้าอวยพร


Pastor Steve Peter H S Kok

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น