10 กุมภาพันธ์ 2552

พระคำของพระเจ้า : มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

ผมอยากที่จะนำทางให้แก่พวกคุณ...แต่ว่าคุณต้องทำงานกับวิญญาณของตัวคุณด้วย ในยอห์น 3:5-8 พระเยซูทรงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้” มนุษย์ย่อมให้กำเนิดออกมาเป็นมนุษย์ วิญญาณก็ให้กำเนิดวิญญาณ ดังนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผมจึงพูดว่า “คุณต้องเกิดใหม่อีกครั้ง” ลมนั้นสามารถที่จะพัดไปไหนก็ได้ที่มันต้องการ ซึ่งคุณสามารถได้ยินเสียงลมแต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันมาจากไนหรือกำลังจะไปที่ไหน ดังนั้นคุณก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามนุษย์นั้นให้กำเนิดวิญญาณได้อย่างไร

ถ้าเป็นไปได้....ขอให้คุณอ่านอย่างระมัดระวัง ให้ใช้จิตวิญญาณของคุณที่จะทำความเข้าใจมากกว่าที่จะใช้ความคิดของตนเอง...ลองอธิบายมัน...เมื่อคุณผิดพลาดผมจะช่วยแก้ไขให้คุณ

หลายคนพูดว่า ฉันได้บัพติศมาด้วยน้ำและรับพระวิญญาณแล้ว เกิดใหม่แล้วโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขายังไม่ได้เกิดใหม่

การที่เรายอมรับพระคริสต์นั้นไม่ได้หมายความว่าเราได้บังเกิดใหม่แล้ว แต่มันเป็นเพียงแค่การให้พระองค์ช่วยไถ่บาปให้แก่เรา

เราเองก็รู้กันอยู่แล้วว่าปลานั้นสามารถอาศัยอยู่ได้ในน้ำที่สะอาด แล้วถ้าปลาอาศัยอยู่ในน้ำเสียหล่ะมันจะเกิดอะไรขึ้น...พวกมันก็ต้องตาย ดังนั้น พระเจ้าเองก็เช่นกันพระองค์คือวิญญาณ พระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในวิญญาณนั้นด้วย พระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นจะอาศัยอยู่ในวิญญาณที่สะอาด เมื่อคุณเกิดจิตวิญญาณก็เข้าสู่ร่างกายของคุณ และวิญญาณของคุณนั้นเต็มไปด้วยบาป ดังนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงอยู่กับคุณไม่ได้

วิญญาณของพวกเรามีบาป ฉะนั้นจึงจำเป็นที่เราจะต้องการวิญญาณดวงใหม่ มันคือการถวายทุกสิ่งให้แก่พระเจ้า(ถวายตัวทุกๆวัน) เชื่อในพระเจ้า สื่อสารกับพระองค์ทุกนาที ทำตามบัญญัติ และมีความซื่อสัตย์ พระเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นจิตใจของคุณว่าคุณซื่อสัตย์ จริงใจและเชื่อฟังพระองค์....มันขึ้นอยู่กับระยะเวลาซึ่งอาจจะเป็น 1 เดือน, 6 เดือน หรือเป็นปี และเมื่อพระเจ้าทรงมองเห็นแล้ว พระองค์ก็จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์มาให้แก่คุณ และคุณก็จะได้รับวิญญาณดวงใหม่

ก่อนที่จะป็นวิญญาณดวงใหม่นั้น ทุกๆคนเป็นคนบาป...วิญญาณไม่สะอาด ซึ่งคุณจำเรื่องของพวกฟาริสีและผู้นำศาสนาที่ได้จำหญิงโสเภณีคนหนึ่งมา....พวกเขามาถามพระเยซู...พระองค์จะทรงตัดสินหญิงผู้นี้อย่างไร เธอได้ทำผิดกฏของโมเสส...ปาก้อนหินใส่เธอจนกระทั่งเธอตาย แต่พระเยซูไม่ได้ตอบอะไร พระองค์ทรงนั่งเขียนที่พื้น...พระองค์ทรงรู้ว่าทุกๆคนมีบาปรวมไปถึงพวกผู้นำศาสนานั้นด้วย...ไม่มีใครบริสุทธิ์เหมือนพระองค์....ดังนั้นพระองค์จึงถามว่า ใครไม่เคยทำบาปต่อพระเจ้าเลย....ผู้คนครึ่งหนึ่งค่อยๆเดินออกไป...พระองค์ถามขึ้นอีกครั้ง...ใครไม่เคยทำบาปเลย....ทุกๆคนทยอนกันเดินออกไป

ไม่มีใครกล้าลงโทษนั่นเพราะพวกเขายังคงมีบาป...รวมถึงนักเทศน์, ศิษยาภิบาล และทุกๆคนด้วย เรื่องเหล่านี้ที่คริสตจักรไม่เคยสอนเรา

หลังจากที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาอยู่กับพวกเราแล้ว พระวิญญาณจะคอยเตือนพวกเราอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าคุณจะล้มลง วิญญาณของคุณจะถูกตีสอนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์....เฉพาะกับวิญญาณดวงใหม่เท่านั้น....แต่วิญญาณดวงเก่านั้นจะไม่ได้รับการเตือน

พระเยซูทรงทูลขอพระบิดาให้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่พวกเรา...พระเยซูทรงทูลขอ(จำเรื่องนี้เอาไว้)...หลายๆคริสตจักรบอกว่าพระเยซูเป็นผู้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์...มันไม่ใช่เลย พระเจ้าเป็นผู้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์มาให้

พระวิญญาณบริสุทธิ์จะคอยให้คำปรึกษาแก่คุณ นั่นคือทรงเป็นครูสอนคุณ นำทางให้แก่คุณ และเตือนภัยให้คุณ เมื่อใดที่คุณอ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ลโดยใช้สติปัญญาของคุณ....เช่นเดียวกับที่ศิษยาภิบาลกำลังเทศนา มันเป็นเพียงรากฐานของวิชาการแต่มันไม่ได้มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

มันคือการถวายตัวให้แก่พระเจ้า เชื่อพระองค์ รัก และรักษาพระบัญญัติ มีศรัทธา ฯลฯ ศิษยาภิบาลไม่ได้สอนผู้คนว่าควรที่จะถวายตัวแด่พระเจ้าอย่างไร...ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่ทราบว่าที่จะถวายตัวเช่นไร เขารู้เพียงแค่วิชาการซึ่งมันมีอยู่ในความรู้ของพวกเขา

บางคนคิดว่า ครูก็คือมนุษย์และสอนพระคัมภีร์ไบเบิ้ล แทนที่จะคิดว่า พระวิญญาณคือครู และเป็นผู้สอนพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

หลายๆคนทราบว่าควรจะอธิษฐานอย่างไร คืออธิษฐานตามความคิดและจากปากของเรา มันเหมือนกับการพูดภาษาแปลกๆ (หลายๆคนพูดภาษาแปลกๆ โดย....บราๆๆๆๆๆๆๆๆ....มันไม่ได้มาจาพระวิญญาณบริสุทธิ์)

ผมเพิ่งจะพูดถึงเมื่อสักครู่ วิญญาณนั้นสามารถที่จะสื่อสารกับวิญญาณได้เท่านั้น สุนับก็สื่อสารกับสุนัขได้ แต่ไม่มีใครที่เดินไปพูดคุยกับงูได้ ฯลฯ
ถ้าหากว่าคุณมีพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่กับคุณ คุณจะสั่งให้ภูเขานี้เลื่อนลงไปในทะเลได้ กระทำการรักษาคนป่วยได้ ฯลฯ
นักเทศน์ดีๆหลายท่านสามารถที่จะเทศนาได้ดีแต่ไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจไบเบิ้ลได้ดี ซึ่งทั้งเล่มของไบเบิ้ลนั้นได้สอนให้เราสร้างจิตวิญญาณของเรา หลายๆคริสตจักรได้เปลี่ยนแปลงมันไปเป็นการทำนายชีวิต

เมื่อพระเยซูตรัสว่า เราจะทำลายวิหารนี้ลงเสียในวันนี้และจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน...สาวกของพระองค์ไม่เข้าใจมันจนกระทั่งถึงวันฟื้นคืนพระชนม์... เช่นกัน...ในวันนี้คริสตจักรก็ไม่เข้าใจในสิ่งเหล่านี้

พระเยซูทรงใช้เรื่องสั้นในการสอน...มันเต็มไปด้วยการช่วยสร้างจิตวิญญาณให้กับชีวิต ดูในยอห์นบทที่14....มีเพียงพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้นที่สามารถเป็นครูของคุณได้...เมื่อคุณอ่านในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลคุณจะเข้าใจมันได้ง่ายมา เพราะว่าจิตวิญญาณใหม่ของคุณได้ถูกสอนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์

ถวายตัวแด่พระเจ้า ยกย่องพระนามของพระองค์ เชื่อฟังพระบัญญัติและมีศรัทธา...เราจะต้องจริงใจด้วย และถ่อมตัวลง แล้วคุณจะได้รับวิญญาณดวงใหม่

ในวันนี้หลายๆคริสตจักรหรือศิษยาภิบาลหลายท่านไม่เข้าใจว่าคำทำนายคืออะไร...แทนที่พวกเขาจะทำนายเรื่องของอนาคตและสิ่งที่อยู่ในไบเบิ้ล เช่นเดียวกันกับชาวแอฟริกันและอินเดีย พวกเขาชอบที่จะเป็นผู้พยากรณ์และเริ่มมีคำทำนายที่ไม่ถูกต้อง

ในมัทธิว 24:36 พระเยซูตรัสว่า “แต่วันนั้น โมงนั้น ไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาองค์เดียว”

พระเยซูทรงรู้ว่าพระองค์ต้องถูกตรึงกางเขนซึ่งพระองค์ได้เตรียมพระองค์เองไว้แล้ว....แต่พระองค์ไม่ทราบว่าจะเป็นวันไหนเวลาไหน ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครที่จะสามารถรู้เรื่องของวันพรุ่งนี้

ใครสามารถไขประตูปริศนาของพระเจ้าได้....ไม่มีเลย....แต่ผู้ทำนายหลายๆคนอ้างว่าพวกเขาสามารถไขปริศนานี้ได้

พระเยซูได้ตรัสเอาไว้ชัดเจน...โมงนั้นไม่มีใครรู้ มีเพียงซาตานเท่านั้นแหละที่ชอบการทำนาย

ศิษยาภิบาลที่ทำนายเรื่องชีวิตของคุณนั้น พวกเขาไม่ได้มีความรัก และความห่วงใยคุณมากกว่าที่จะชอบหาเงิน

กลับมาที่ มัทธิว 7:21-23 “มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแกเราว่า พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์กล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์และได้กระทำการอัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์ มิใช่หรือ เมื่อนั้นเราจะได้กล่าวแก่เขาว่า เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา”

วันนี้คริสเตียนอ้างว่า พวกเขาได้นำพาผู้คนให้ไปหาคริสตจักร พวกเขาได้ออกไปกระทำพันธกิจ ได้กระทำการรักษาคนป่วย ฯลฯ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้พาเราเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าได้ คริสตจักรได้วางแผนการหลายๆอย่างให้กับคริสเตียน แต่สิ่งหนึ่งคือไม่เคยสอนพวกเขาว่าจะเลี้ยงดูจิตวิญญาณได้อย่างไร

พระวิญญาณจะเป็นผู้ตัดสินใจเองเมื่อคุณจะต้องออกไปกระทำพันธกิจหรือมีแผนการณ์อะไรก็ตาม นั่นหมายความว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับคุณ...พระเจ้าทรงรู้จักคุณตั้งแต่คุณยังอยู่ในครรภ์ของมารดา ดังนั้นพระองค์ทรงรู้ว่าเราสามารถที่จะกระทำอะไรได้บ้างมากน้อยแค่ไหน

วันนี้ ผู้ที่ตายแล้วในคริสเตียนหรือผู้ที่เชื่อฟังคริสตจักรมากกว่าพระเจ้า...พระเยซูจะตรัสว่า เราไม่รู้จักพวกเจ้าเลย...นั่นเพราะว่ามนุษย์ไม่ได้ทำตามแผนการณ์ของพระเจ้า พวกเราจะต้องรอจนกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเรียกเราให้ออกไป แล้วเราก็จะออกไปด้วยพระวิญญาณ

มันไม่ได้เป็นการช่วยเหลือวิญญาณ 100 ดวง หรือเป็นล้านดวง....มันแล้วแต่แผนการของพระเจ้าและเวลาของพระองค์

ศิษยาภิบาลบางท่านอ้างว่าเขาเป็นหนึ่งที่ได้รับการเจิม..ยอห์นบทที่ 14 ได้กล่าวไว้ว่า พระเยซูไม่ได้บอกว่าจะมอบมันให้กับเฉพาะคนที่เป็นศิษยาภิบาลเท่านั้น...แต่มีให้กับทุกๆคนที่ต้องการค้นหาเพื่อแสวงหาการเกิดใหม่ของจิตวิญญาณ

ไม่ใช่ว่าจะแล้วแต่มนุษย์ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจเพื่อมนุษย์ แต่มันแล้วแต่ว่าพระเจ้าจะทรงตัดสินพระทัย...ไม่มีใครที่จะสามารถมาแทนที่พระเจ้าได้...นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมหลายๆคริสตจักรและศิษยาภิบาลจึงไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ด้วย

ลูกา 10:2 พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากแต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุฉะนั้น พวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์”

เมื่อศิษยาภิบาลหรือคริสตจักรเรียกให้คุณออกไป...มันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นจะต้องทำตาม แต่เมื่อใดที่พระวิญญาณทรงเรียกเรานั้น เราจำเป็นที่จะต้องทำตามการเรียกของพระวิญญาณ

แต่ละคนมีวิญญาณ มันขึ้นอยู่ที่ว่าคุณจะถวายตัวให้แด่พระเจ้าหรือไม่ การถวายตัวหมายถึงการค้นหาพระเจ้าเพื่อแสวงหาการให้อภัยจากพระองค์ และบอกพระองค์ว่า “ข้าพระองค์ขอถวายตัวและจิตวิญญาณของข้าพระองค์แด่พระองค์” ต้องเชื่อฟังพระบัญญัติใหญ่, มีความถ่อมตัว, กลับใจทุกๆวัน, ซื่อสัตย์และจริงใจต่อพระเจ้า คงรักษาและปฏิบัติไว้จนกว่าคุณจะสามารถสัมผัสถึงพระเจ้า (มันไม่ใช่การกระทำเพียงแค่ครั้งเดียว มันต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเป็นปี)

ดังนั้นเตรียมตัวเองที่จะรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ คุณจะสามารถพูดได้ด้วยไฟแห่งพระวิญญาณและอธิษฐานด้วยไฟแห่งพระวิญญาณ จำไว้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์คือทุกสิ่งทุกอย่างของคุณเหมือนอย่างที่พระเยซูได้ตรัสเอาไว้

พระเจ้าอวยพร

Pastor Steve Peter H S Kok

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น