10 กุมภาพันธ์ 2552

เริ่มพันธกิจในกรุงเทพฯ

ชาโลม

สรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่


พวกเรายังคงอยู่ที่กรุงเทพฯ และก็ปลอดภัยดี ไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าเป็นห่วง ก็ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงปกป้องคุ้มครองพวกเราตลอดเวลา (เฉลยธรรมบัญญัติ 33:12 "คนที่พระเจ้าทรงรักจะอาศัยอยู่กับพระองค์อย่างปลอดภัย พระองค์ทรงปกเขาไว้วันยังค่ำ และทรงประทับอยู่ระหว่างบ่าของเขา")สำหรับเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ผมคิดว่าคุณคงจะได้ยินข่าวคราวบ้างเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ มีข่าวว่าที่นี่เกิดการจราจลกันขึ้น สถานการณ์ภายในประเทศไทยไม่ปลอดภัย และจากข่าวนี้ทำให้ผมรู้สึกกังวลมากเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯขณะนี้ ผมคิดว่าบางทีผมอาจจะกลับไปที่ประเทศมาเลเซีย หรือไม่ก็ไปที่ไหนสักแห่ง หลังจากกลับจากโบสถ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พวกเราก็ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลย ข้าพเจ้าก็ได้แต่นั่นอ่านหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ ออนไลน์ อยู่ที่บ้านเป็นเวลาสองวัน ผมรู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นคนถือดาบยาวมากๆเหมือนกับในหนังจีนกำลังภายในที่ไว้ใช้ต่อสู้กัน มันจึงทำให้ผมยิ่งเป็นกังวลมากขึ้น แต่เจน ภรรยาของผมกลับรู้สึกเฉยๆกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผมก็ได้ออกไปพบกับมิชชันนารีชาวออสเตรเลียที่ในเมือง ผมก็เลยถือโอกาสสำรวจดูสถานการณ์ในเมืองว่าเป็นเช่นไรบ้าง ปรากฏว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย สถานการณ์ต่างๆก็เรียบร้อยดี ระบบน้ำไฟที่บอกว่าจะตัดก็ยังคงอยู่ในสภาวะปกติ และนักท่องเที่ยวก็ยังคงเดินไปมาเช่นเดิม การค้าขายก็เป็นไปอย่างปกติ ฯลฯ ผมจึงได้ส่งอีเมล์กลับไปที่หนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ และพวกเขาก็ได้จัดพิมพ์ข้อมูลของผมลงใน http://www.thestar.com.my/news/story.asp?file=/2008/9/3nation/20080903172610&sec=nation






ผมจำได้ว่าเพื่อนของผมที่มาจากมาเลเซีย ซึ่งเขาเคยลืมพาสปอร์ตของเขาเอาไว้ที่เกสต์เฮ้าส์ และหลังจากนั้นหกชั่วโมง พวกเรากลับมาที่เกสต์เฮ้าส์อีกครั้งหนึ่ง เจ้าของเกสต์เฮ้าส์ก็ได้นำพาสปอร์ตมาคืนให้แก่เพื่อนของผม และก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่ง ตอนนี้ผมทำกระเป๋าสตางค์หายในที่ชุมชน และสักครู่ก็มีคนนำมาคืนให้แก่ผม ซึ่งเงินในกระเป๋าก็ยังอยู่ครบ ตัวผมเองยังไม่เคยเห็นเหตุการณ์เหมือนอย่างที่ลงไว้ในหนังสือพิมพ์เลยเกี่ยวกับการฆาตกรรม หรือปล้นชิงทรัพย์ และผมรู้ว่าที่ประเทศไทยนี้ค่อนข้างจะปลอดภัยมาก

พระเจ้าต้องการให้ผมให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการเริ่มต้นของวันสิ้นยุค และเจนก็ได้เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวของวันสิ้นยุคไว้เป็นภาษาไทยในบล็อคของข้าพเจ้านี้ ในหนังสือ มัทธิว บทที่ 24 พระเยซูได้ทรงกล่าวเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ข้อ 1-2 ฝ่ายพระเยซูทรงออกจากบริเวณพระวิหาร แล้วขณะเสด็จไป พวกสาวกของพระองค์มาชี้ตึกทั้งหลายในบริเวณพระวิหารให้พระองค์ทอดพระเนตร พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า สิ่งสารพัดเหล่านี้พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็ไม่มี" อาคารของโบสถ์หรือวิหารที่ใหญ่โตสวยงาม ที่ใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างมากมายซึ่งเราได้เห็นกันในทุกวันนี้ และในวันสุดท้ายที่จะมาถึง มันก็จะต้องถูกรื้อถอนไปในที่สุดโดยพระเจ้า ในหนังสือ 2โครินทร์ 5:1 ได้บอกว่า พวกเราต้องสร้างอาคารเหล่านั้นขึ้นไว้ภายในจิตใจของเรา(ซึ่งมันคือของพระเจ้า) มันไม่ใช่อาคารคอนกรีต เหตุฉะนั้น พวกเราในที่นี้จะต้องหนุนใจผู้อื่นด้วยความรัก และความสุข ซึ่งจะเป็นการช่วยนำทางให้พวกเขารอด และนั่นศรัทธาก็จะถูกสร้างขึ้นภายในจิตใจหรือจิตวิญญาณของเรา

ข้อ 4-5 "พระเยซูตรัสตอบเขาว่า ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเราว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์ เขาจะให้คนเป็นอันมากหลงไป" ในระหว่างช่วงเวลาของวันสิ้นยุค จะมีหลายๆคนมาและอ้างตัวว่าเป็นผู้เผยพระวจนะจากพระเจ้าหรือพระเยซูคริสต์ แล้วหลังจากนั้นก็จะมีคำพยากรณ์เท็จเทียมมากมายเกิดขึ้น และสั่งสอนผู้คนไปในทางที่ผิด เพราะว่า"พระองค์ได้ทรงปิดตาของเขาทั้งหลาย และทำใจของเขาให้มืดมัวไป เกรงว่าเขาจะเห็นด้วยตาของเขา และเข้าใจด้วยจิตใจของเขา"(ยอห์น 12:40) พระเยซูทรงเป็นผู้เผยพระวจนะคนสุดท้าย และพระคำของพระองค์นั้นจะยังคงอยู่ตลอดไปจนถึงวันเวลาสุดท้าย พระเยซูได้เตือนพวกเราว่า "อย่าเชื่อเลย"(ข้อ 23-25)เกี่ยวกับเครื่องหมายต่างๆ และอย่าสงสัยในเรื่องใดๆเกี่ยวกับพระเจ้า เหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นบนโลกนั้น ปล่อยให้เป็นไปตามวันเวลาของพระเจ้า และมนุษย์ไม่ได้เป็นผู้ทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านั้น

ข้อ 6-7 "ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงคราว และข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยุคยังไม่มาถึง เพราะประชาชาติตอประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหารและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ" ทุกวันนี้พวกเราต่างก็ประสบกับปัญหาทางด้านอาหาร น้ำมัน และสงครามเศรษฐกิจ ทำให้ทุกๆคนต้องดินรนต่อสู้กันอยู่ทุกวันนี้ มนเป็นสงครามที่เราต้องสู้รบในปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงแต่ประชาชาติต่อสู้กับประชาชาติกัน เราจำเป็นที่จะต้องมีไหวพริบหรือเล่ห์เหลี่ยมในทางเศรษฐกิจ และยิ่งกว่านั้น ความพินาศใหญ่หลวงที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้คือ ภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ทางขั้วโลกเหนือก็กำลังละลาย เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศจีน กันดารอาหารในอินเดีย พายุเฮอริเคนในสหรัฐอเมริกา และสภาพอากาศของโลกที่เริ่มร้อนขึ้น เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา พวกเราไม่ได้มีผลกระทบมากนักกับสภาวะของข้าวยากหมากแพง แต่ตอนนี้มันเกิดผลกระทบขึ้นแล้ว หลายๆคนอธิษฐานต่อพระเจ้าให้ทรงช่วยเหลือผู้คน หรือไม่ก็ให้ช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาของเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ให้มันเกิด แต่เราห้ามเหตุการณ์ต่างๆเพื่อให้เป็นไปตามใจปรารถนาของพวกเราไม่ได้ พระเยซูทรงตรัสไว้ว่า "อย่าตื่นตระหนกเลย" ข้าพเจ้าได้เคยฟังนักเทศน์ท่านหนึ่ง ท่านได้เรียกร้องขอความปลอดภัยให้แก่คนในประเทศ ขอให้คนในประเทศที่จะหยุดการต่อสู้กัน เพื่อให้ประเทศนั้นเกิดความสงบ ซึ่งมันไม่ได้มีอยู่ในไบเบิลเลย พระเยซูทรงกล่าวเอาไว้แล้วว่า "สิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้นแน่นอน"

ข้อ 9 "ในเวลานั้นเขาจะอายัดท่านทั้งหลายไว้ให้ทนทุกข์ลำบากและฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆจะเกลียดชังพวกท่าน เพราะความจงรักภักดีของท่านที่มีต่อเรา" ข้าพเจ้าหวังว่า ท่านคงจะได้รับข่าวสารจากอีเมล์ของข้าพเจ้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย พวกเขาเหล่านั้นเป็นคริสเตียน บางคนก็เป็นผู้รับใช้ ผู้สอนศาสนา พวกเขาได้ถูกทำร้ายร่างกาย บ้างก็ถูกฝัง และบ้างก็ถูกฆ่า ชาวฮินดูที่เข้มแข็งและเชื่อในลัทธิของพวกเขา ได้ลุกขึ้นต่อต้านทุกๆคนที่พยายามจะเปลียนพวกเขาให้มาเป็นคริสเตียน และไม่เพียงแค่นั้น พวกเขาได้พยายามกีดกันคำสอนของพระเยซูคริสต์ในทุกๆด้าน ในอีเมล์ฉบับนี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่าในพวกท่านบางคนอาจจะต่อต้านข้าพเจ้า...ดังที่พระเยซูตรัสไว้ว่า "ถ้าโลกนี้จะเกลียดชังท่านทั้งหลาย(ยอห์น 15:19)ดังนั้นท่านทั้งหลายก็เป็นสาวกของเรา" ข้าพเจ้าไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงความจริงของพระเจ้า พระองค์ทรงบอกให้ข้าพเจ้ากล่าวในสิ่งเหล่านี้ ซึ่งพวกท่านก็สามารถเห็นได้ว่าพระเจ้าทรงอยู่กับข้าพเจ้าจริง พระองค์ทรงเคลื่อนไหวและกระทำการอัศจรรย์ในระหว่างการเดินทางเพื่อกระทำพันธกิจของข้าพเจ้า

ข้อ 12-13 "ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุดผู้นั้นจะรอด" เมื่อพระเยซูทรงให้บัญญัติใหญ่ (มาระโก 12:30-31)นั่นคือพระบัญญัติแห่งความรัก มีพวกเราสักกี่คนที่รักษาพระบัญญัติข้อ 2 จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ข้าพเจ้าได้มีโอกาสสัมภาษณ์ศิษยาภิบาลสองสามท่าน รวมถึงพี่น้องที่เป็นคริสเตียนด้วย(ต่างนิกายกัน)ว่า มีกี่คนในพวกท่านที่รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะรักเพื่อนบ้านของตนเองได้ และผลลัพธ์ที่ออกมาเป็น 0% ที่ได้ปฏิบัติจริง ตามพระบัญญัตินั้นันง่ายที่จะเข้าใจและแสดงมันออกมา แต่มันอาจยากที่จะกระทำให้เป็นจริงได้ พระเยซูทรงตรัสว่า"ความรักส่วนมากจะเยือกเย็นลง" ทุกคนควรจะรู้ว่าเราควรจะรักกันและกันได้อย่างไร พระเยซูทรงตรัสว่า ให้เราที่จะรักษาสันติภาพของความสัมพันธ์ของกันและกันเอาไว้ รวมไปถึงศัตรูด้วย อะไรอื่นที่นอกเหนือความรักมันก็คือความเกลียดชัง แล้วทันก็จะเป็นเหตุให้เราเริ่มต้นที่จะกล่าวโทษซึ่งกันและกันด้วย (มัทธิว 7:1-2)

พระธรรมในมัทธิวนั้นเชื่อมโยงไปถึงหนังสือ มาระโก บทที่ 13 และลูกกา บทที่ 21 ด้วย ซึ่งในนั้นพระเยซูได้กล่าวสิ่งต่างๆไว้อย่างชัดเจน และมันก็จเป็นความจริงตลอดไป เอเมน





เมื่อเดือนกรกฏาคม 2551 พวกเราได้ไปที่จ.เพชรบุรี และได้เยี่ยนเยียนคริสตจักรเก่าแก่แห่งหนึ่ง พวกเราได้พบกับศิษยาภิบาลหญิงคนแรกของประเทศไทย ตอนนี้เธออายุประมาณ 92 ปีแล้ว และเราได้ร่วมนัสการด้วยกันในวันอาทิตย์ที่นั่น






กลางเดือนสิงหาคม 2551 พวกเราไปเยี่ยมคริสตจักรที่พัทยา และหลังจากเสร็จสิ้นเวลานมัสการแล้ว ก็เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะได้แบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวพันธกิจของพวกเราที่ประเทศอินเดีย พวกเขารู้สึกตื่นเต้นมากเกี่ยวกับพันธกิจของพวกเรา และพวกเขาก็ได้ถามคำถามมากมายเกี่ยวกับผู้คน และขนบธรรมเนียมประเพณีที่นั่นด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ร่วมกันร้องเพลง เต้นรำ และก็เล่นกับเด็กๆที่นั่น ฮาเลลูยา


พระเจ้าทรงเปิดทางให้กับข้าพเจ้าในการเผยแพร่และแบ่งปันพระกิตติคุณ ความรัก และความสุขให้กับทุกๆคน ดังนี้


1.แผนกพันธกิจในเรือนจำ(ประเทศไทย)ต้อนรับใบสมัครของผมที่จะเข้าไปเยียมเยียนผู้ต้องขังภายในเรือนจำได้ แต่ผมยังต้องรอการเรียกต่อไปอีกหน่อย
2.ศิษยาภิบาลสองสามท่านได้เชื้อเชิญผมให้ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมศิษยาภิบาลสำหรับชุมชนขึ้น
3.คริสตจักรที่พัทยาและเชียงรายได้เชิญผมให้ไปเทศนาที่นั่น
4.คณะนักธุรกิจชายพระกิตติคุณสมบูรณ์สามัคคีธรรมนานาชาติ ได้เชื้อเชิญผมให้ก่อตั้งกลุ่มแคร์-ธุรกิจสำหรับภาคภาษาอังกฤษ


พวกเราต้องการการอธิษฐานสนับสนุนจากทุกๆท่าน เพื่อการกระทำพันธกิจต่างๆ เพื่อการจัดเตรียมสิ่งต่างๆ และการปกป้องคุ้มครองภัย


ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้การสนับสนุนพวกเรา และขอพระสิริมีแก่พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์


ขอพระเจ้าอวยพรทุกๆท่าน


Pastor Steve Peter Kok

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น