10 กุมภาพันธ์ 2552

นิมิตรจากพระเจ้า

ผมได้เห็นนิมิตรตอนประมาณบ่ายสามโมงของวันที่ 10 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งขณะนั้นผมกำลังเดินเพื่อที่จะกลับบ้าน

มีสิงห์โตตัวหนึ่งลงมาจากสวรค์มุ่งตรงมายังโลก และมันได้พ่นไฟใส่หมู่เทพทั้งหลาย ไฟเหล่านั้นได้เผาผลาญและทำลายคริสตจักรทั้งหลาย

วันนี้เหล่าคริสตจักรไม่ได้เชื่อฟังและปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า แต่พวกเขาปฏิบัติตามกฎที่มนุษย์ตั้งขึ้น
พระบัญญัติใหญ่ที่พระเยซูทรงให้ไว้คือ “จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า” นี่คือพระบัญญัติใหญ่ข้อแรก และพระบัญญัติใหญ่ข้อสำคัญข้อสองคือ “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” นี่คือกฏที่บรรดาผู้เผยพระวจนะได้เรียกร้องให้พวกเราปฏิบัติตามพระบัญญัติใหญ่ทั้งสองข้อนี้ - มัทธิว 22 ข้อ 37-40
คริสตจักรแสวงหาความชอบธรรมโดย พวกเขาต้องการเป็นผู้มีชื่อเสียง มีผู้คนรักและนับถือ แต่กระนั้นพวกเขาไม่เคยหันกลับมามองว่า อะไรที่มาจากพระเจ้าและมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่น ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องการให้ประชาชนลงคะแนนเสียงให้เขา รักเขา แต่ในที่สุดเมื่อเขาชนะการเลือกตั้ง เขาทำให้อะไรกับประชาชนบ้าง ไม่มีอะไรเลย และยังมีการคอรัปชั่นด้วย เหมือนกันกับการไปคริสตจักร พระเยซูตรัสว่า “ของซีซาร์จงถวายแก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า” - มาระโก 12 ข้อ 17 แทนที่คริสตจักรจะถวายพระเกียรติและพระสิริกลับคืนแด่พระเจ้า พวกเขากลับนำสิ่งเหล่านั้นมาสู่ตนเอง
ลูกา 10 ข้อ 12 พระเยซูตรัสว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมาก แต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุฉะนั้น พวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์” เป็นความจริงที่ว่าคนงานนั้นยังน้อยอยู่ ซึ่งมีหลายคริสตจักรที่ไม่ได้เชื่อฟังพระบัญญํติใหญ่สองข้อนี้ จึงทำให้มีการแตกแยกกันออกไปเป็นหลายๆนิกาย
ในเวลานี้ คริสตจักรกำลังมองหาผู้เปิดเผยและพยากรณ์ แต่กระนั้นพวกเขาคิดว่าพวกเขารู้จักพระเยซูแต่ว่าพวกเราไม่รู้จักพระเยซูเลย ถ้าหากว่าพระเยซูยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น คริสตจักรจะปฏิเสธพระเยซูเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับพระองค์ พระเยซูตรัสว่า “เราเข้ามาในโลกเพื่อแก่การพิพากษา เพื่อให้คนทั้งหลายที่มองไม่เห็นกลับมองเห็น และคนที่มองเห็นกลับมองไม่เห็น” – ยอห์น 9 ข้อ 39 ซึ่งมีหลายๆคนที่มองไม่เห็นพระมาไซยา ผู้ที่ยึดถือและปฏิบัติพระบัญญัติคือผู้ที่สามารถมองเห็นความจริงของชีวิต พวกเขาจะรู้ว่าใครคือพระเยซู โดยที่พระองค์ไม่ต้องตรัสอะไรและพวกเขาจะตามพระองค์
พระเยซูตรัสว่า “ถ้าโลกนี้เกลียดชังท่านทั้งหลาย ก็จงรู้ว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อน ถ้าท่านทั้งหลายเป็นของโลก โลกก็จะรักท่านซึ่งเป็นของโลก แต่เพราะท่านไม่ใช่ของโลก เพราะเราได้เลือกท่านออกจากโลก เหตุฉะนั้นโลกจึงเกลียดชังท่าน” - ยอห์น15 ข้อ 18 – 19 ซึ่งผมได้กล่าวไว้ในย่อหน้าที่สาม พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า แต่ปฏิบัติตามกฏหมายรัฐบาลนั้นๆ ซึ่งเพื่อให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์และการค้ำจุนคริสตจักรให้คงตั้งอยู่ได้ยาวนาน พระเยซูถูกผู้คนใช้กฎหมายของบ้านเมืองและกฏของศาสนาทำร้ายพระองค์
ทุกวันนี้ พวกเราจะเห็นว่าคริสตจักรใหญ่ได้สร้างอาคารสวยงาม ใช้เงินทุนก่อนสร้างหลายล้านบาท ซึ่งมันจะถูกทำลายลงโดยพระเจ้า พระเยซูตรัสว่า “สิ่งสารพัดเหล่านี้พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็ไม่มี” – มัทธิว 24 ข้อ 2 ไม่มีอะไรสามารถทำลายคริสตจักรหรือพระวิหารได้ แม้กระทั่งซึนามิ แผ่นดินไหว ฯลฯ มีสิ่งเดียวที่สามารถทำลายได้คือไฟแห่งพระเจ้า
จำไว้ว่าพระเยซูได้เคยตรัสไว้ว่า “ถ้าทำลายวิหารนี้เสีย เราจะยกขึ้นในสามวัน” และพระเยซูต้องการให้เราสร้างขึ้นในกายของเรา ไม่ใช่อาคารสวยงาม หมายความว่าให้ใช้เวลาและเงินในการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน และสร้างศรัทธาให้พวกเกิดแก่พวกเขา พวกเขาคือลูกแกะของคุณ
เหมือนอย่างที่พระเยซูคริสต์ตรัสไว้ว่า “ในพวกท่านมีคนใดที่มีแกะร้อยตัวและตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละเก้าสิบเก้าตัวนั้นไว้ที่กลางทุ่งหญ้า และไปเที่ยวหาตัวที่หายไปนั้นจนกว่าจะได้พบหรือ เมื่อบแล้วเขาก็ยกขึ้นใส่บ่าแบกมาด้วยความเปรมปรีดิ์ เมื่อมาถึงบ้านแล้ว จึงเชิญพวกมิตรสหายและเพื่อนบ้านให้มาพร้อมกัน พูดกับเขาว่า จงเปรมปรีดิ์กับข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าได้พบแกะของข้าพเจ้าที่หายไปแล้วนั้น” - ลูกา 15 ข้อ 4 – 6 พวกเราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถึงพวกเราจะยุ่งอยู่เสมอ พระเจ้ายังคงต้องการใช้พวกเราให้อยู่ตรงนั้นเพื่อช่วยผู้การความช่วยเหลือ
พวกเราเป็นคริสเตียน สิ่งที่พวกเราต้องทำคือ อธิษฐานเพื่อศาสนาจักร และศิษยาภิบาล แสวงหาพระเจ้าให้พระองค์ทรงประทานอภัยให้พวกเขาในสิ่งที่พวกเขาทำผิดพลาดไป ในพระธรรมลูกา 6 ข้อ 27 พระเยซูตรัสว่า “จงรักศัตรูของท่าน จงทำดีแก่ผู้ที่เกลียดชังท่าน” พระเยซูเองก็ทรงให้อภัยแก่ชาวยิวในสิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไปเช่นกัน
ขอพระเจ้าอวยพร
Pastor Steve Peter H S Kok

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น