10 กุมภาพันธ์ 2552

เคยตั้งปณิธาณไว้ว่า..ชีวิตนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนศาสนาเด็ดขาด

เมื่อสมัยที่อรยังเรียนอยู่ระดับประถมศึกษา เคยตั้งปฏิญาณกับตัวเองเอาไว้ว่าชีวิตนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนศาสนาอย่างแน่นอน จะคงมั่นคงและยึดมั่นอยู่ในพระศาสนา แต่พอมาอยู่ระดับมัธยมปลายก็ได้มีโอกาสเห็นพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นครั้งแรก ซึ่งน้าเป็นคนเอามาให้ซึ่งในตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก ก็เลยถามน้าว่าเป็นหนังสืออะไร น้าก็บอกว่าเป็นพระคัมภีร์ลองเอาไปอ่านดูสิ ซึ่งอรก็แปลกใจว่าน้าไปเอาพระคัมภีร์เล่มนั้นมาจากไหน เพราะว่าที่บ้านของอรนับถือศาสนาพุทธ และน้าของอรก็นับถือศาสนาพุทธเช่นกัน และด้วยความอยากรู้ก็เลยหยิบมาอ่าน ซึ่งพอได้อ่านก็รู้สึกดีทำให้เราสบายใจ ถึงแม้ว่าจะอ่านไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ เลยคิดว่าจะเก็บไว้อ่านเวลาที่ตัวเองรู้สึกไม่สบายใจดีกว่า

หลังจากนั้นก็ผ่านไปอีกประมาณสี่ถึงห้าปีก็เป็นช่วงที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ก็ได้มีโอกาสรู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเขาเป็นคริสเตียน แล้วเพื่อนก็ชวนอรไปโบสถ์แต่อรไม่ได้ไปเพราะว่าไม่ว่าง แต่พอเรียนจบก็ทำงานแล้วก็ได้มีโอกาสมารู้จักกับพี่คนหนึ่งที่ทำงาน ชื่อพี่เจน ซึ่งทีแรกอรก็ไม่ทราบว่าพี่เขาเป็นคริสเตียน จนมาวันหนึ่งได้ยินพี่ที่ทำงานเขาคุยกันก็เลยทราบว่าพี่เจนเป็นคริสเตียน ซึ่งอรรู้จักกับพี่เขาก่อนวันคริสตมาสได้ไม่นาน และด้วยความที่ว่าเรามีคำถามมากมายที่อยากรู้และเก็บไว้ในใจมานานก็เลยถามพี่เขาว่าวันคริสตมาสเป็นยังไง หมายถึงอะไร แล้วทำไมคริสเตียนต้องไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ พี่เขาก็บอกอรทุกอย่างเกี่ยวกับพระเยซู และความหมายของวันคริสตมาส รวมถึงเรื่องของการไปโบสถ์ แล้วพี่เจนก็ได้ชวนให้อรไปร่วมงานวันคริสตมาสด้วยที่สวนลุมพินี ซึ่งอรก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือว่าขอเวลาตัดสินใจ แต่อรกลับตอบตกลงไปในทันที ซึ่งพอหลังจากวันคริสตมาส อรก็มีความรู้สึกแปลกๆซึ่งบอกไม่ถูก ความรู้สึกเราอบอุ่น สันติสุข ความทุกข์ที่เคยแน่นอยู่ในอกเหมือนถูกยกออกไปหมดเลย รู้สึกสบายใจขึ้น ซึ่งพออรกลับบ้าน อรก็ได้อธิษฐานทุกวัน พี่เจนได้สอนให้อรอธิษฐาน และบอกอรว่า ถ้าอยากขอพรอะไร อยากพูดอะไร ก็ให้เราอธิษฐานถึงพระเจ้า แล้วก็อย่าลืมอธิษฐานเพื่อคนอื่นด้วย

หลังจากวันคริสตมาสได้หนึ่งอาทิตย์ พี่เจนชวนอรไปโบสถ์ และก็เช่นกันอรรีบตอบตกลงไปในทันที พี่เจนพาอรไปที่คริสตจักรใจสมานรามคำแหง และในวันนั้นหลังจากที่ฟังเทศนาเสร็จ อรก็ตัดสินใจรับเชื่อในทันทีด้วยเหตุผลอะไรอรก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่ารู้สึกอบอุ่น ตื้นตัน มีความสุข อาจจะเป็นเพราะว่าพระเจ้าทรงเรียกให้เรากลับให้หาพระองค์ ปกติอรเป็นคนที่ร้องไห้ยากมาก แต่วันนั้นน้ำตาอรซึมออกมาตลอดเวลา

ในวันนั้น ถึงแม้ว่าอรจะรับเชื่อแล้ว แต่ในใจอรยังรู้สึกเป็นกังวลอยู่ ด้วยเหตุผลเพราะว่าทางบ้านเรานับถือศาสนาพุทธ ก็เลยกลัวว่าทางบ้านจะไม่ยอมรับเราที่เราเปลี่ยนศาสนา แต่พี่เจนบอกว่าไม่ต้องกังวล พระเจ้าจะทรงเตรียมทางให้เราขอให้เราเข้มแข็ง มีความเชื่อ และไม่หวั่นไหว แล้วพระองค์จะทรงเปิดทางให้ ตอนนี้อรไม่กังวลอะไรแล้ว เพราะอรรู้สึกดี สบายใจ ก็ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงนำทางให้อรกลับมาหาพระองค์

ในความคิดของอร อรคิดว่าคำสอนต่างๆในศาสนาพุทธกับศาสนาคริสตนั้นไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่ สิ่งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่าให้ทุกๆคนรอเพื่อที่ว่าจะมีคนอีกคนนึงมาโปรดมนุษย์ให้รอดพ้นจากความทุกข์นั้น ซึ่งน่าจะหมายถึงพระเยซูคริสต์ เพราะพุทธศาสนานั้นเกิดก่อนคริสตศาสนา และผู้ที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสถึงว่าจะมาเป็นผู้ที่ช่วยให้พวกเรารอด ไม่น่าจะเป็นใครไปได้นอกจากพระคริสต์ของเรา

หลังจากที่อรได้ตัดสินใจรับเชื่อแล้ว ชีวิตของอรก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จากที่เมื่อก่อนเราจะมีเรื่องกังวลเยอะแยะมากมาย บางครั้งคิดมากจนสับสน จนเบลอ ชีวิตของเราดูวุ่นวายเหลือเกิน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกสบายใจขึ้น เหมือนว่าพระเจ้าทรงแบกเอาความทุกข์ของเราออกเสีย ส่วนเรื่องงานก็ดีขึ้น ด้วยความที่ว่าอรเพิ่งจะเปลี่ยนงานใหม่ก็เลยค่อนข้างจะมีอุปสรรค และปัญหาติดขัดหลายอย่าง แต่พระเจ้าก็ทรงอวยพระพรให้กับอรด้วย ตอนนี้ทุกอย่างดีค่ะ ก็ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระพร และทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงประทานมาให้แก่อร อรคิดว่าคำพยานของอรอาจจะช่วยหนุนใจพี่น้องที่เป็นคริสเตียนใหม่ หรือที่กำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ อรอยากจะบอกว่าอย่ารีรออีกเลย ขอให้เรามีความเชื่อ พระเจ้ากำลังรอพวกเราทุกคนที่จะกลับไปหาพระองค์

Sis.กนกอร ศีรสิน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น